“ทักษิณ”ปลอบใจผู้ประสบภัยชายแดนกัมพูชา อีกไม่นานได้กลับบ้าน

26 ก.ค. 2568 | 06:49 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ก.ค. 2568 | 07:04 น.

“ทักษิณ”เยี่ยมศูนย์อพยพอุบลราชธานี ให้กำลังใจและปลอบขวัญประชาชน ยืนยันอีกไม่กี่วันได้กลับบ้าน ฉะกัมพูชาเป็นฝ่ายยิงใส่ไทยก่อน ขอให้ทหารได้เดินตามยุทธการ

KEY

POINTS

  • ทักษิณ ชินวัตร ลงพื้นที่ศูนย์อพยพ จ.อุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมปลอบใจว่าอีกไม่นานจะได้กลับบ้าน
  • ยืนยันว่าไทยไม่ใช่ฝ่ายรุกราน แต่เป็นกัมพูชาที่ยิงใส่เป้าหมายพลเรือนก่อน ซึ่งไทยได้ใช้ความอดทนและโต้กลับเฉพาะพื้นที่ทหารเท่านั้น
  • มองว่าปัญหาความขัดแย้ง ควรเป็นการเจรจาระหว่างสองประเทศ และได้นำความห่วงใยจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มายังผู้ประสบภัยด้วย

วันที่ 26 กรกฎาคม 2568 ที่ศูนย์อพยพจังหวัดอุบลราชธานี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เยี่ยมและให้กำลังใจประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา พร้อมกล่าวว่า วันนี้ตั้งใจมาเยี่ยมประชาชนที่ต้องอพยพมาอยู่ในศูนย์พักพิง ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของคนไทยที่ต้องช่วยเหลือกัน ทั้งในเรื่องความเป็นอยู่และการเยียวยาสภาพจิตใจ

“คนไทยต้องมีน้ำใจต่อกัน ต้องทำให้พวกเขากินอิ่มนอนหลับ ไม่เดือดร้อน เชื่อว่าอีกไม่นาน ทุกคนจะได้กลับบ้าน” นายทักษิณ กล่าว

เมื่อถามถึงฝ่ายกัมพูชายื่นถึง UNSC แล้ว นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร เพราะเขาเป็นคนเริ่มก่อน ตามกฏหมายระหว่างประเทศแล้ว ในเมื่อเราไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก เราก็จะขึ้นศาลโลก แต่ UNSC เป็นการร้องขอ ถ้าหากว่าเราเป็นฝ่ายรุกราน แต่บังเอิญว่าเราใช้ความอดทนอดกลั้นต่อ ประชาชนอาจจะหงุดหงิด ว่า ทำไมเราใจเย็น หากเราไม่ใจเย็น เราก็จะเข้าแผนเขา เราต้องใจเย็นอดกลั้น และฝั่งกัมพูชาก็ยิงก่อน เมื่อเขายิงก่อนเราก็มีสิทธิ์ ซึ่งตรงนี้เราไม่เข้าข้อที่เรียกว่า เป็นการรุกรานก่อน ดังนั้นก็ไม่สามารถเอาเราขึ้นศาลโลกได้

                   “ทักษิณ”ปลอบใจผู้ประสบภัยชายแดนกัมพูชา อีกไม่นานได้กลับบ้าน

นายทักษิณ มอง ว่า UNSC ก็คงไม่แทรกแซงอะไร แต่คงอยากจะให้เหตุการณ์นี้ยุติโดยเร็ว ซึ่งเราก็ไม่ได้อยากมีเรื่อง แต่เขาอยากหาเรื่อง เมื่ออยากหาเรื่อง ก็ต้องว่าตามกติกา เมื่อคุยกันว่าจะจบ ก็ต้องจบว่า แล้วเราจะเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันหรือไม่ เราอยู่ด้วยความไว้วางใจซึ่งได้หรือไม่ ถ้าได้ก็อยู่ ถ้าไม่ได้จะทำอะไรก็ทำไป ไม่เป็นไร

เมื่อถามว่าฝั่งไทยเองอยากให้กัมพูชา กลับเข้ามาอยู่ในโต๊ะเจรจา นายทักษิณ กล่าวว่า เขาพยายามหลีกเลี่ยง เพื่อต้องการสร้างให้ตัวเองได้เปรียบ ทำนองว่า เอะอะอะไรๆ ก็จะขึ้นศาลโลก ซึ่งเราไม่ยอมรับศาลโลกอยู่แล้ว บางทีเราอดทนอดกลั้น ซึ่งบางทีประชาชนไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลใจเย็น แต่เราต้องอดทน เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วเราถือว่าเราได้ทำหน้าที่ของเราดีที่สุด
ส่วนเงื่อนไขที่บอกว่าให้กัมพูชาหยุดยิงก่อนถึงจะเจรจานั้น นายทักษิณ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเงื่อนไขปลีกย่อยซึ่งทางทหารในพื้นที่ย่อมรู้ดี ให้ทำตามยุทธการให้จบ

                   “ทักษิณ”ปลอบใจผู้ประสบภัยชายแดนกัมพูชา อีกไม่นานได้กลับบ้าน

เมื่อถามว่าขณะนี้มีหวังว่าฝั่งอาเซียนโดย นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย และประธานอาเซียน จะมาเป็นตัวกลางในการเจรจาหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่อง Conflict (ทับซ้อน) ของ 2 ประเทศ มองว่าคุยกันเองก็ได้ ถ้าเขาอยากจะคุย แต่ถ้าไม่อยากคุยก็จะคุยผ่านใครแล้วค่อยว่ากันอีกที แต่วันนี้เราถือว่าเป็นเรื่องของความขัดแย้ง 2 ประเทศที่สามารถคุยกันก็ได้

เมื่อถามถึงบางส่วนมองว่าภาพลักษณ์ประเทศไทยไปรังแกก่อน นายทักษิณ ยืนยันว่าไม่มีเลย เขายิงมาและยิงเป้าหมายที่เป็นประชาชน อันนี้คือ สิ่งที่แย่ที่สุดของโลก ซึ่งทั้งโลกเขาประณามหมดแล้ว แต่เราโต้กลับเฉพาะพื้นที่ทหารเท่านั้น เราไม่ได้โต้กลับในพื้นที่พลเรือน

                       “ทักษิณ”ปลอบใจผู้ประสบภัยชายแดนกัมพูชา อีกไม่นานได้กลับบ้าน

ส่วนที่บางฝ่ายมองว่าฝั่งไทยสื่อสารค่อนข้างช้าในระดับสากล นายทักษิณ กล่าวว่า เราสื่อสารไปเยอะพอสมควร แต่บางทีบางครั้ง ฝั่งกัมพูชาใช้หลัก propaganda ความหมายประมาณว่า โกหกไปเรื่อยๆ และพยายามให้คนในประเทศตัวเองเข้าใจว่าตัวเองเก่ง แต่ความจริงแล้วเป็นการโกหก

ต่อมา นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งที่จุดอพยพอีกจุด ถึงการลงพื้นที่ในวันนี้ ว่า วันนี้หลังจากมีการตั้งศูนย์พักพิง เราต้องทำให้ชาวบ้านมั่นใจว่า พวกเขามาอยู่แล้วจะต้องกินอิ่มนอนหลับ และเมื่อสถานการณ์ได้มีการยืนยันว่า ปลอดภัยแล้ว พวกเขาก็จะได้กลับไปอยู่ที่พักอาศัยได้ตามปกติ เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในอีกไม่ช้า

                       “ทักษิณ”ปลอบใจผู้ประสบภัยชายแดนกัมพูชา อีกไม่นานได้กลับบ้าน

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ก็มีความห่วงใย และได้ฝากความห่วงใยมา ซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีก็ต้องดูในส่วนที่พอจะทำได้ ไม่ขัดต่อคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ 

พร้อมย้ำว่า นายกรัฐมนตรีได้ฝากตนในฐานะบิดาที่เดินทางลงพื้นที่ในวันนี้ ให้นำข้อความบอกกับประชาชนว่าเป็นห่วงมากๆแต่ยังทำหน้าที่ไม่ได้ จนกว่าจะสิ้นสุดกรณีศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยตัดสิน พร้อมย้ำว่าตัวเองจะทำให้เต็มที่ ในฐานะประชาชนคนแก่ทั่วไปคนหนึ่ง

จากนั้น นายทักษิณ ได้ขึ้นรถออกไปเยี่ยมให้กำลังใจชาวบ้านที่ศูนย์พักพิงแห่งอื่นๆ เพิ่มเติมอีกในพื้นที่ใกล้เคียง