KEY
POINTS
ขณะที่อุณหภูมิการเมืองร้อนระอุจากคลิปเสียงสนทนา “แพทองธาร-ฮุน เซน” ที่หลุดว่อนสื่อสังคมออนไลน์ จนกลายเป็นชนวนสำคัญให้พรรคภูมิใจไทยถอนตัวพ้นพรรคร่วมรัฐบาล อีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่อาจกำหนดทิศทางอนาคตของรัฐบาล “แพทองธาร 1” คือ การประชุมศาลรัฐธรรมนูญ ในวันอังคารที่ 1 ก.ค. 2568 ที่กำลังจะมาถึง
หลังจากที่ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ยื่นคำร้องในนาม สมาชิกวุฒิสภา 36 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีบทสนทนากับ สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เข้าข่ายให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่
โดยศาลรัฐธรรมนูญ มีกำหนดการประชุมพิจารณาคดี ในวันอังคารที่ 1 ก.ค. 2568 ซึ่งเป็นที่จับตาว่า จะเป็นวันสำคัญที่ “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” จะพิจารณารับคำร้องกรณีถอดถอนนายกฯ ออกจากตำแหน่งหรือไม่
ลุ้นรับคำร้อง-หยุดปฏิบัติหน้าที่?
เนื้อหาคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา อ้างอิงมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ โดยให้เหตุผลว่า คลิปเสียงการสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีไทย กับ ผู้นำกัมพูชา มีเนื้อหาเกี่ยวพันกับการสั่งการระดับกองทัพ หรือ การใช้ตำแหน่งแทรกแซงกลไกความมั่นคง ซึ่งอาจเข้าข่าย “ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง”
หากศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย ยังต้องลงมติว่า จะมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรี “หยุดปฏิบัติหน้าที่” ไว้ก่อนหรือไม่ ตามคำขอของผู้ร้อง จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยขั้นสุดท้ายในคดีนี้
การดำเนินคดีในลักษณะนี้คล้ายกับกรณีของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ในอดีต ซึ่งต่างเคยเผชิญกับคำสั่ง “หยุดปฏิบัติหน้าที่” ระหว่างกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมาแล้วทั้งสิ้น
ผลกระทบเสถียรภาพรัฐบาล
แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะยังไม่มีมติรับคำร้องในขณะนี้ แต่กระบวนการที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลให้เสถียรภาพของรัฐบาล นำโดยพรรคเพื่อไทยสั่นคลอนอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะหลัง “พรรคภูมิใจไทย”ประกาศถอนตัวพ้นพรรคร่วมรัฐบาล
หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายกฯ “หยุดปฏิบัติหน้าที่” พรรคเพื่อไทยจะต้องเสนอรายชื่อรองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งขึ้นรักษาการแทน ในที่นี้จะเป็น “ภูมิธรรม เวชยชัย” ซึ่งเป็นรองนายกฯ ลำดับที่ 1 ขึ้นมารักษาการนายกฯ ซึ่งนอกจากจะเผชิญกับแรงเสียดทานภายในแล้ว ยังต้องเผชิญแรงกดดันจากฝ่ายค้านและภาคประชาชนที่เริ่มมีความเคลื่อนไหวกดดันให้ยุบสภา
แต่หากศาล “ไม่รับคำร้อง” อาจคลี่คลายสถานการณ์บางส่วน แต่ความน่าเชื่อถือทางการเมืองของ “นายกฯแพทองธาร” ก็อาจจะยังถูกตั้งคำถามในระดับสาธารณะต่อไป
บทสรุปของคดีนี้จะยังไม่จบในวันที่ 1 ก.ค. แต่หากศาลรัฐธรรมนูญมีมติ “รับคำร้อง” นั่นหมายถึงการเปิดประตูสู่กระบวนการตรวจสอบทางตุลาการอย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจเปลี่ยนเกมการเมืองได้ในทุกมิติ
คลิปเสียงไม่ทำให้ปท.เสียหาย
วันที่ 24 มิ.ย. 68 นส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาว่ารับหรือไม่รับคดีคลิปเสียงนายกฯ ไว้พิจารณาว่า
“ก็ประเมินเรื่องนี้ หากต้องสนับสนุนในเรื่องข้อมูลหรืออะไรก็พร้อมในการให้ข้อมูลและชี้แจง เพราะคลิปเสียงที่หลุดออกมาก็ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องที่ผู้นำแต่ละประเทศใช้เจรจากันอยู่แล้ว ก็จะเห็นได้ชัดว่า ในคลิปเสียงตัวดิฉันเองก็ไม่ได้อะไร และดิฉันเองก็ไม่ได้ทำให้ประเทศไทยเสียหายอะไร
จุดนี้ คือ จุดที่เป็นการคุยกัน ซึ่งก็ทราบอยู่แล้วว่าไม่ควรเปิดเผยคลิปที่เป็นการสนทนาแบบส่วนตัว ดิฉันก็พร้อมยืนยันและพร้อมอธิบายเล่าทุกเหตุการณ์อยู่แล้วถ้าต้องมีการอธิบาย”
คดีจริยธรรมร้ายแรงในมือป.ป.ช.
อีกด้านหนึ่ง ในหน่วยงานตรวจสอบอย่าง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2568 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติเอกฉันท์รับเรื่องคลิปเสียงสนทนาระหว่าง แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และ สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบเบื้องต้น หลังพบอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
ป.ป.ช.กำหนดให้ดำเนินการตรวจสอบภายใน 10 วัน โดยให้ถอดเทปเสียงพร้อมแปลภาษากัมพูชาอย่างถูกต้อง สอบพยานที่เกี่ยวข้อง และศึกษาข้อกฎหมายโดยเทียบเคียง กับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ขาดคุณสมบัติจากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี
นอกจากนี้ ป.ป.ช.จะตรวจสอบควบคู่ว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องในกรณีของ น.ส.แพทองธาร ไว้พิจารณาแล้วหรือไม่ โดยหากผลตรวจสอบพบว่า มีมูล ก็จะเข้าสู่กระบวนการไต่สวนโดยองค์คณะกรรมการ ป.ป.ช. หากจำเป็นอาจใช้คณะกรรมการเต็มชุดเข้าดำเนินการ
ทั้งนี้ คำร้องเรื่องจริยธรรมนายกรัฐมนตรีดังกล่าว มีสมาชิกวุฒิสภาร่วมลงชื่อ และ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้ลงนามส่งคำร้องดังกล่าวถึง ป.ป.ช.
กรณีจริยธรรมร้ายแรงของ น.ส.แพทองธาร นี้ ทาง ป.ป.ช.คงจะรอดูผลการวินิจฉัยในขั้นตอนสุดท้ายของศาลรัฐธรรมนูญ หากศาลฯ มีมติไม่ถอดถอนออกจากตำแหน่ง ป.ป.ช.ก็คงยุติการไต่สวน
แต่หากศาลฯ มีคำสั่งถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกฯ ป.ป.ช.ก็ต้องเดินหน้าไต่สวนเอาผิดเรื่อง “จริยธรรมร้ายแรง” ต่อไป
คดีจริยธรรมชี้อนาคตการเมือง
สำหรับความผิดตามมาตรฐาน “จริยธรรมร้ายแรง” นั้น เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2561 ได้เริ่มมีการประกาศใช้มาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ซึ่งกำหนดให้บังคับใช้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้วย
โดยเมื่อ ป.ป.ช.สรุปสำนวนคดีแล้วมีมติให้ส่งฟ้องเอาผิด ต้องส่งฟ้องไปที่ศาลฎีกา
และในที่สุด หากศาลฎีกามีคำพิพากษาว่า ผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์ หรือกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าว ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต และ เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปี และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ตลอดไป
คดีโยกงบแจกเงินดิจิทัล
คดีของ “นายกฯแพทองธาร” ยังมีกรณีที่ ป.ป.ช. ได้มีมติเอกฉันท์ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2568 ให้รับไว้ตรวจสอบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ที่อาจละเมิดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 อันเกี่ยวกับการนำงบชำระหนี้ในรัฐวิสาหกิจ 5 แห่ง จำนวน 35,000 ล้านบาท ไปจัดสรรในโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” กระตุ้นเศรษฐกิจ
คดีนี้กล่าวหาโดย นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ และพวก ระบุว่าเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและกฎหมายวินัยการเงินการคลัง
มีผู้ถูกกล่าวหาคือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกฯ, นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ คณะรัฐมนตรี สส. และ สว. รวมทั้งคณะ
สำหรับรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ห้าม สส. และ สว. ปรับลดหรือตัดงบที่เป็นภาระตามกฎหมาย สัญญา หนี้เงินต้นหรือดอกเบี้ย ก่อนที่จะจัดสรรใหม่ ซึ่งในกรณีนี้ถือว่าโยกงบ “ชำระหนี้” ไปใช้โครงการใหม่ จึงอาจเข้าข่ายละเมิดรัฐธรรมนูญหรือไม่
สถานะของคดีล่าสุดคือ ป.ป.ช.มอบหมายให้สำนักไต่สวนการเมือง ดำเนินการภายใน 60 วัน เพื่อรวบรวมพยาน เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และศึกษาข้อกฎหมายประกอบกรณีของนายเศรษฐา
หากพบว่า “มีมูล” ป.ป.ช.จะเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ซึ่งอาจส่งผลให้ตำแหน่งนายกฯ-สมาชิกรัฐสภาสิ้นสุดลงได้
ทั้ง 3 คดีถือเป็น “นิติสงคราม” ที่พุ่งเข้าใส่ นายกฯ แพทองธาร ซึ่งมีทั้งตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 และ ห้ามเล่นการเมืองตลอดชีวิต เป็นเดิมพัน...