ปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า เศรษฐกิจโตต่ำ กำลังซื้อหายไปจากตลาด ปมร้อนรอบตัวที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัว ทั้งภาคอสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง อุตสาหกรรม ภาคบริการ ภาคผลิต-ส่งออก ธุรกิจขนาดกลางขนาดเล็กหรือ( SME) ล่าสุด สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาเข้าขั้นตึงเครียดรุนแรงยกระดับการปิดด่านชายแดนตลอดแนว
อีกทั้งยังมีเรื่องของการเมือง ที่ร้อนแรงไม่แพ้กัน มาจากปมคลิปเสียงและการถอนตัวจากรัฐบาล นำมาซึ่งการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) แพทองธาร2 เสถียรภาพรัฐบาลค่อนข้าง การปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่เริ่มจะนิ่งและได้เห็นโฉมหน้ากันบ้างแล้ว
แหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรมเปิดเผย”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ยอมรับว่าทุกธุรกิจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจภายในและเศณษฐกิจโลกเมื่อมีสถานการณ์ที่ล่อแหลมเข้ามาทั้งปมข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา จนกระทั้งต้องยกระดับปิดด่านพรมแดนตลอดแนว มองว่า ได้รับผลกระทบแน่นอน จากการค้าขายผ่านช่องทางดังกล่าว แต่ที่สำคัญกว่าคือเสถียรภาพของรัฐบาลค่อนข้างอ่อนแอ
ไม่วามารถรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ และแม้ว่าจะมีการปรับครม.แพทองธาร2 เดินหน้าต่อ แต่เนื่องจากส่วนใหญ่หน้าตาของครม.ไม่แตกต่างไปจากเดิม เพราะ พรรคภูมิใจไทยออกไป จึงต้องดึง รัฐมนตรีหรือบุคคลภายนอกเข้ามาเสริมทัพ และเป็นหน้าใหม่ๆ มองว่า รัฐบาลแพทองธาร2แค่ประคอง เพื่อให้งบประมาณปี2569 ผ่าน รวมถึงการผลักดันกฎหมายสำคัญให้ผ่านไปได้ แต่เชื่อว่า รัฐบาลจะอยู่ได้ไม่เกิน ปลายปีนี้ อีกทั้ง ต้องรอผลการชี้ขาดของ ศาลรัฐธรรมนูญวันที่1กรกฎาคมนี้ว่า ตัวนายกรัฐมนตรีจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าหรือหรือไม่
หากกรณีเลวร้ายสุดต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ จะมีรองนายกรัฐมนตรี เข้ามาทำหน้าที่เพื่อไม่ให้การบริหารราชการแผ่นดินสะดุดอีกปัจจัยที่แจมากระทบหากม็อบหรือประรวมตัวของประชาชนเคลื่อนไหวต่าต้านรัฐบาลโดยเฉพาะตัวนายกรัฐมนตรี ย่อมมีผลกระทบตามมาเช่นกันหากการประท้วงยืดเยื้อ
ทั้งนี้ทางออกของธุรกิจภาคเอกชน ต้องพึ่งหาตัวเองสถานเดียวและประคับประคองธุรกิจให้เดินต่อไปให้ตลอดรอดฝั่ง การลดการลงทุนลงหากมองว่าสถานการณ์ในช่วงนี้มีความเสี่ยง รวมถึง การรักษากระแสเงินสด เป็นต้นแต่ที่น่าจับตาคือสถาบันการเงินที่อาจเข้มงวดมากขึ้นในการพิจารณาปล่อยสินเชื่อ เนื่องจากสถานการณ์ไม่ใช่ช่วงปกติทั้ง การเมืองในประเทศ ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา รวมถึงสงครามตะวันออกกลาง ที่ยังเอาแน่ไม่ได้ว่าจะหยุดยิงหรือไม่
สรุปไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้แล้วสิ่งที่ย้ำเตือนคือการรัดเข็มขัด มีกระแสเงินสดในมือ ชะลอลงทุนในโครงการที่ไม่จำเป็นลง