'กองทัพบก' ยืนยัน กัมพูชาถอนทหารช่องบก ห่างจากแนวต้นพญาสัตบรรณ

08 มิ.ย. 2568 | 13:39 น.
อัปเดตล่าสุด :08 มิ.ย. 2568 | 15:08 น.

โฆษกกองทัพบก ยืนยัน 'กัมพูชา' ถอนกำลังทหารช่องบกจริง ห่างจากแนวต้นพญาสัตบรรณ หลังเจรจาระดับภูมิภาคบรรลุข้อตกลง พร้อมใช้กลไก TBC บริหารจัดการพื้นที่ร่วมกัน

วันที่ 8 มิถุนายน 2568 พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชาได้ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีแล้วจริง หลังการเจรจาระหว่างฝ่ายทหารของทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลงร่วมกันเพื่อลดความตึงเครียดตามแนวชายแดน

 

การเจรจาเกิดขึ้นภายหลังเหตุการณ์ปะทะเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม โดยฝ่ายกัมพูชา นำโดย พลโท สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญ พลตรี สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ร่วมหารือในระดับภูมิภาค เพื่อหาทางออกต่อปัญหาการวางกำลังซ้อนทับในพื้นที่พิพาท
 


ผลจากการหารือ ฝ่ายกัมพูชาตกลงจะถอนกำลังกลับไปยังฐานปฏิบัติการเดิม ซึ่งอยู่ห่างจากแนวต้นพญาสัตบรรณในเขตแดนของกัมพูชา พร้อมยินยอมกลบคูเลตที่ขุดขึ้นในพื้นที่พิพาท เพื่อคืนสภาพธรรมชาติและลดความตึงเครียดตามข้อเสนอของฝ่ายไทย

 

ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (TBC) เป็นช่องทางหลักในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่ให้เกิดความสงบและยั่งยืนในระยะยาว

 

ที่มาข้อมูล - กรุงเทพธุรกิจ

ทั้งนี้เมื่อเวลา 21.14 น. วันที่ 8 มิ.ย.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา โดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย นำโดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พร้อมด้วย พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่บริเวณช่องบก

จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบการปรับการวางกำลัง ให้กลับไปสู่แนววางกำลังเดิมเมื่อปี พ.ศ. 2567 เพื่อลดการเผชิญหน้า พร้อมทั้งกลบคูติดต่อ(คูเลต)​ กลับไปสู่สภาพเดิม สร้างบรรยากาศที่เกื้อกูลต่อการประชุม JBC ใน 14 มิ.ย. 68 ซึ่งเป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนอย่างยั่งยืนต่อไป

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้ กลไกคณะกรรมการชายแดน ส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางหารือการแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่อย่างต่อเนื่องในอนาคต