จากกรณีที่มีความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา มาอย่างต่อเนื่องในตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ล่าสุดช่วงเย็นที่ผ่านมา "วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวอาวุโสสายทหาร" ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Wassana Nanuam ระบุว่า จบลงด้วยดี กัมพูชาถอย ออกจาก แผ่นดินไทย หลังเจรจาลับหลายวัน
จากนั้นวาสนา ระบุต่ออีกโพสต์ว่า ข่าวกัมพูชา ถอนทหารออกจากเขตแดนไทยเป็นข่าวในพื้นที่อย่างไม่เป็นทางการ ยังต้องกดดันต่อ รอการยืนยันจากกองทัพ
ทั้งนี้ ฐานเศรษฐกิจ จะติดตามข่าวอย่างเป็นทางการจากกองทัพ กระทรวงกลาโหม รวมทั้งจากรัฐบาล รวมทั้งข้อมูลจากฝั่งกัมพูชาด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามในส่วนของไทยฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 2 ได้ดำเนินการยกระดับปรับมาตรการด่านชายแดนไทย-กัมพูชาทุกจัด ทั้งที่จังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด จังหวัดสระแก้ว จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสุรินทร์ รวมทั้งที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร
ที่มีการปรับเวลาเปิด-ปิด เพิ่มข้อจำกัดการเดินทาง ข้อจำกัดการขนส่ง โดยมาตรการทั้งหมดมีผลตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2568 การปรับปรุงอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ ประชาชนควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดก่อนเดินทาง
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงเรียกร้องอีกครั้งให้ฝ่ายกัมพูชาลดระดับความตึงเครียดตลอดแนวชายแดน หันมาใช้กลไกทวิภาคีให้เป็นประโยชน์สูงสุดเพื่อมิให้สถานการณ์ลุกลามออกไป โดยเน้นการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการทางการทูตและการ
ยืนยันว่าไทยยังคงปฏิบัติตามและพร้อมใช้กลไกทวิภาคี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยเขตแดนไทย-กัมพูชา หรือ JBC (Joint Boundary Commission) ที่กำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน ที่กำลังจะมาถึง รัฐบาลไทยยังคงปฏิบัติตามเอ็มโอยูว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกปี 2543 ที่เป็นเอกสารทางกฎหมาย เป็นกติกาที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงร่วมกันและต้องยึดถือ
"รัฐบาลไทยขอยืนยันในความเชื่อมั่นว่า การใช้กลไกที่ไทยและกัมพูชามีอยู่ระหว่างกัน เช่น JBC ที่จะมาถึงนี้ มีประโยชน์อย่างยิ่งเพื่อลดความตึงเครียดในสภาวะที่เปราะบางเช่นนี้ และเพื่อหาทางออกอย่างสันติ เคารพซึ่งกันและกัน และด้วยความจริงใจต่อกันเพื่อให้ชายแดนของเรากลับสู่สภาวะปกติ มีความสงบสุขและปลอดภัย" โฆษกกต.กล่าว