มรสุมลูกใหญ่ “พรรคส้ม” ติดหล่มเกมอำนาจ

15 พ.ค. 2568 | 00:00 น.

เลือกตั้งเทศบาล “พรรคส้ม” พ่ายยับ สะท้อนชัด ‘กระแสใหญ่’ ไม่แปลผลสู่ท้องถิ่น ซ้ำเผชิญแรงสั่นคลอนภายใน สส.ทยอยลาออก ท่ามกลางคดี 44 สส.ที่รอวันชี้ชะตา อนาคตการเมืองอาจเปลี่ยนเร็วเกินคาด

KEY

POINTS

  • การเลือกตั้งเทศบาล “พรรคส้ม” พ่ายยับ สะท้อนชัด ‘กระแสใหญ่’ ไม่แปลผลสู่ท้องถิ่น สู้บ้านใหญ่ไม่ได้
  • ซ้ำเผชิญแรงสั่นคลอนภายใน สส.ทยอยลาออก ท่ามกลางคดี 44 สส.ที่รอวันชี้ชะตา อนาคตการเมืองอาจเปลี่ยนเร็วเกินคาด
  • พรรคส้มเผชิญทั้งความพ่ายแพ้ในสนามท้องถิ่น แรงเสียดทานจากภายใน และ คดีที่อาจล้มกระดาน สถานการณ์เวลานี้ไม่ต่างจากการยืนอยู่บนทางแพร่ง 

นับตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2568 ที่ผลการเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศ กว่า 2,469 แห่ง ใน 76 จังหวัด คลี่คลายชัดเจน “พรรคประชาชน” หรือ ที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในนาม “พรรคส้ม” ต้องเผชิญความพ่ายแพ้อย่างหนักในสนามท้องถิ่นอีกครั้ง นับเป็นสัญญาณชัดเจนว่า “กระแสระดับชาติ” ยังไม่สามารถแทรกซึมลงไปถึง “รากหญ้า” ที่ถูกครอบงำโดย “การเมืองบ้านใหญ่”

“พรรคส้ม”พ่ายยับศึกท้องถิ่น

แม้ “พรรคประชาชน” จะส่งผู้สมัครชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรีรวม 97 แห่ง แบ่งเป็น เทศบาลนคร 15 แห่ง เทศบาลเมือง 27 แห่ง และเทศบาลตำบล 55 แห่ง แต่ผลลัพธ์กลับสะท้อน “จุดอ่อนเชิงยุทธศาสตร์” อย่างรุนแรง โดยเฉพาะเทศบาลนครที่พ่ายรวดทั้ง 15 แห่ง ขณะที่เก้าอี้เทศบาลเมือง คว้ามาได้เพียง 4 แห่ง และ เทศบาลตำบลอีก 9 แห่ง

เทศบาลเมือง ที่ชนะ แบ่งเป็น จ.นนทบุรี 2 ที่นั่งคือ เทศบาลเมืองบางกร่าง  และ เทศบาลเมืองบางศรีเมือง  จ.สมุทรปราการ 1 ที่นั่ง คือ เทศบาลเมืองปากน้ำ และ จ.ปทุมธานี 1ที่นั่ง คือ เทศบาลเมืองบางคูวัด 

ส่วนเทศบาลตำบล พรรคประชาชน ได้ 9 ที่นั่ง ประกอบด้วย เทศบาลตำบลเหมืองจี้ จ.ลำพูน, เทศบาลตำบลสุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู, เทศบาลตำบลเก่ากลอย จ.หนองบัวลำภู, เทศบาลตำบลสว่างแดนดิน จ.สกลนคร, เทศบาลตำบลหนองแคน จ.มุกดาหาร, เทศบาลตำบลโพนทราย จ.มุกดาหาร, เทศบาลตำบลนาดี จ.สมุทรสาคร, เทศบาลตำบลสำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ และเทศบาลตำบลหนองตำลึง จ.ชลบุรี

การพ่ายแพ้ในสนามท้องถิ่นครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีก่อน คณะก้าวหน้าในยุคนั้นก็ส่งผู้สมัครชิงเก้าอี้เทศบาลนคร 11 แห่ง และแพ้รวดเช่นเดียวกัน

                                  มรสุมลูกใหญ่ “พรรคส้ม” ติดหล่มเกมอำนาจ

เลือกตั้งท้องถิ่นกระแสใช้ไม่ได้

นักวิชาการการเมืองหลายรายชี้ว่า พรรคประชาชนยังคงติดกับดักแนวคิด “ขายแบรนด์-ขายกระแส” มากกว่าจะพัฒนากลยุทธ์เฉพาะพื้นที่ สะท้อนจากการนำบุคคลอย่าง “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” แกนนำคณะก้าวหน้า มาเป็นตัวชูโรง ทั้งที่ไม่สอดคล้องกับบริบทของการเมืองท้องถิ่น ซึ่งพลังหลักอยู่ที่ “ตัวบุคคล” ความสัมพันธ์แนบแน่นกับชุมชน และเครือข่ายระดับหมู่บ้าน

อีกจุดอ่อนที่เห็นได้ชัดคือ “การเปิดตัวผู้สมัครล่าช้า” ส่งผลให้พรรคขาดเวลาในการวางรากสร้างฐาน ขณะที่ “บ้านใหญ่-นักการเมืองเก่า” มีเครือข่ายชุมชนที่สั่งสมมานาน และพร้อมเปิดเกมหาเสียงเชิงลึกอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากกลยุทธ์ที่ไม่สอดคล้องกับบริบทแล้ว ระบบเลือกตั้งท้องถิ่นที่ไม่มี “เลือกตั้งล่วงหน้า” หรือ “เลือกตั้งนอกเขต” ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อพรรคส้ม เนื่องจากฐานเสียงหลักของพรรคส่วนใหญ่ คือ “คนรุ่นใหม่ในเมือง” ที่ไม่ได้กลับไปใช้สิทธิในภูมิลำเนา จึงเท่ากับสูญเสียฐานเสียงไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

แรงสั่นสะเทือนในพรรค  

ไม่เพียงแต่พ่ายศึกท้องถิ่น พรรคประชาชนยังต้องเผชิญแรงสั่นคลอนจากภายใน เมื่อปรากฏข่าว “แรงดูด สส.” ที่เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ชลบุรี ที่พรรคมี สส.ถึง 7 จาก 10 คน เริ่มถูก “พรรคซีกรัฐบาล” ทาบทามเข้าร่วมงาน เพื่อวางเกมต่อรองในรัฐบาล

กรณีชัดเจนคือ “กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์” สส.ชลบุรี เขต 6 ที่ประกาศย้ายไปอยู่กับ “พรรคกล้าธรรม” โดยให้เหตุผลว่า “ความเห็นไม่ตรงกับพรรค” และมีกรณีขัดแย้งเกี่ยวกับการขอหารือในสภาฯ ซึ่งนำไปสู่การ “เรียกคุย” และเกิดจุดแตกหักในที่สุด

คาดว่ากรณีของ “กฤษฎิ์” จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย หากพรรคไม่สามารถรักษาความเป็นเอกภาพได้ ท่ามกลางความปั่นป่วนในระดับแกนนำและความอึดอัดของ สส.ที่อาจมองไม่เห็นอนาคต

คดี 44 สส.ชี้เป็นชี้ตาย  

อีกหนึ่งปัจจัยที่อาจนำไปสู่ “การแตกคอกลางสภา” คือ คดีที่ สส.พรรคประชาชน (อดีตพรรคก้าวไกล) 44 คน ร่วมลงชื่อเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หากผลลัพธ์เป็นลบ ย่อมส่งผลให้ ส.ส.กลุ่มใหญ่ในพรรค อาจพ้นจากตำแหน่ง ส่งผลให้ “ระดับแกนนำ” และ “หัวขบวนพรรค” หายไปเกือบทั้งกระดาน 

ในทางการเมือง อาการ “เคว้งคว้าง” จะเกิดขึ้นในทันที พรรคการเมืองบางพรรค อาจใช้จังหวะนี้เปิดเกม “ตีผึ้งให้แตกรัง” ด้วยข้อเสนอทางการเมือง เพื่อจูงใจ สส.ให้ย้ายขั้ว เปิดทางสู่สมการอำนาจใหม่ในรัฐบาล และ สภา

“พรรคส้ม”บนทางแพร่ง 

ในภาวะที่ “พรรคส้ม” เผชิญทั้งความพ่ายแพ้ในสนามท้องถิ่น แรงเสียดทานจากภายใน และ คดีที่อาจล้มกระดาน สถานการณ์เวลานี้ไม่ต่างจากการยืนอยู่บน “ทางแพร่ง” 
ทางหนึ่งคือ ตั้งหลัก ปรับยุทธศาสตร์อย่างจริงจังเพื่อปูรากฐานการเมืองท้องถิ่น อีกทางคือ ยอมให้ “กระแส” เป็นเพียงพายุฉาบฉวย ที่ไร้พลังเมื่อเจอภูมิคุ้มกันทางการเมืองแบบบ้านใหญ่ 

อนาคตของ “พรรคส้ม” จึงขึ้นอยู่กับการ “คิดใหม่ ทำใหม่” และการประเมินตัวเองอย่างซื่อตรงในสมรภูมิที่เปลี่ยนทุกวัน เพราะหากยังเล่นเกมการเมืองด้วยสูตรเดิม อนาคตก็อาจไม่ต่างจากผลการเลือกตั้งเทศบาลที่ผ่านมา ...จบก่อนจะเริ่มเกมใหญ่จริง

มารอดูกันว่า “หัวขบวนพรรคส้ม” จะวางกลยุทธ์ในการตั้งรับอุบัติเหตุการเมืองที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกขณะเวลานี้อย่างไร...

                ++++++++

“ตระกูลบ้านใหญ่”ยึดเทศบาลทั่วประเทศ

ผลเลือกตั้งเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2568 "ตระกูลบ้านใหญ่" ครองเทศบาลทั่วประเทศ "เพื่อไทย" ชนะเชียงใหม่, "ชาติพัฒนา" ยึดโคราช, "คุณปลื้ม-อัศวเหม"ยังแกร่งในชลบุรี-สมุทรปราการ

ผลการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี ในเทศบาลนคร และ เทศบาลเมือง มีผู้ชนะการเลือกตั้ง ที่สำคัญดังนี้

ภาคเหนือ

เทศบาลนครเชียงใหม่ : นายอัศนี บูรณุปกรณ์ (พรรคเพื่อไทย)

เทศบาลนครเชียงราย : นายวันชัย จงสุทธานามณี 

เทศบาลนครลำปาง : นายปุณณสิน มณีนันทน์ (กลุ่มลำปางก้าวหน้า) 

เทศบาลเมืองลำพูน : นายประภัสร์ ภู่เจริญ 

เทศบาลเมืองแพร่: นายสุริยา อินต๊ะนอน 

เทศบาลนครแม่สอด จ.ตาก: นายกุล เครือวีระ 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เทศบาลนครนครราชสีมา : นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล (ทีมโคราชชาติพัฒนา) 

เทศบาลนครขอนแก่น : นายประสิทธิ์ ทองแท่งไทย (กลุ่มมหานครขอนแก่น) 

เทศบาลนครอุดรธานี : นายกิตติกร ทีฆธนานนท์ (กลุ่มนครหมากแข้ง) 

เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ : นายกีรฒิการย์ พิมพะนิตย์ 
ภาคกลาง 

เทศบาลนครนนทบุรี : นายสมนึก ธนเดชากุล 

เทศบาลนครปากเกร็ด จ.นนทบุรี : นายวิชัย บรรดาศักดิ์ 

เทศบาลตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานี: นางยุพเยาว์ หลีนวรัตน์ 

เทศบาลนครนครปฐม : นายสมโชค พงษ์ขวัญ (กลุ่มสันติธรรม)  

ภาคตะวันออก 

ชลบุรี : กลุ่มบ้านใหญ่ของตระกูลคุณปลื้ม ชนะในหลายพื้นที่

สมุทรปราการ: กลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า ของตระกูลอัศวเหม ชนะในหลายพื้นที่

ภาคใต้

เทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา : นายณรงค์พร ณ พัทลุง (ทีมปลัดแป้น) 

เทศบาลนครนครศรีธรรมราช : นายกณพ เกตุชาติ 

เทศบาลนครภูเก็ต : นายศุภโชค ละอองเพชร (ทีมรักภูเก็ต)  
เทศบาลนครเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี : นายรามเนตร ใจกว้าง 

เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี : นายประเสริฐ บุญประสพ 

เทศบาลนครยะลา : นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ 

เทศบาลเมืองนราธิวาส : นายธนาวิทย์ ไชยานุพงศ์ 

เทศบาลเมืองปัตตานี : นายนิอันนุวาสุไลมาน 

เทศบาลเมืองกระบี่: นายอิทธิชัย ตันบุตร 

เทศบาลเมืองป่าตอง จ.ภูเก็ต: นางลลิตา มณีศรี