“คดีชั้น 14” แก้วสรร ชำแหละ ปม "ทักษิณ-โรงพยาบาล-สังคมชิงชัง"

12 พ.ค. 2568 | 03:46 น.
อัปเดตล่าสุด :12 พ.ค. 2568 | 05:12 น.

"แก้วสรร อติโพธิ" เปิดมุมมองลึกกรณีนายทักษิณนอนโรงพยาบาล 6 เดือน ซัดความชิงชังบดบังข้อเท็จจริง กฎหมายคือกฎหมาย ไม่ใช่อารมณ์นำทาง

นายแก้วสรร อติโพธิ เขียนบทความเกี่ยวกับกรณีชั้น 14 ในการรักษาตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  แบบถาม-ตอบระบุว่า

 

ปัญหากฎหมาย

ถาม: ทนายวันชัยพูดถูกไหมครับว่า กฎหมายไม่ได้บอกว่าทักษิณต้องป่วยวิกฤต 

ตอบ: ถูกต้องครับ ผมเห็นด้วยว่าคดีนี้ต้องใช้ พรบ.ราชทัณฑ์ มาตรา 55 ซึ่งระบุแต่เพียงว่า ถ้า รพ.ราชทัณฑ์รักษาไม่ได้หรือต้องใช้แพทย์เฉพาะทางก็อนุญาตให้ไปรักษาตัวนอกเรือนจำได้ ประเด็นในคดีจึงมีอยู่ว่า ทักษิณป่วยถึงขั้นต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล และ รพ.ราชทัณฑ์รักษาไม่ได้จริงหรือไม่ ส่วนจะใช้คำเรียกขานว่า ถึงขั้น “วิกฤต” คืออกอาการแล้วหรืออะไรก็ตามใจ ขอแต่ทำให้ถูกต้องตามขั้นตอนเท่านั้น    

 

ถาม: อะไรคือขั้นตอนที่ถูกต้อง
ตอบ: ต้องมีความเห็นแพทย์ที่ถูกต้องว่ามีอาการถึงขั้นต้องรับรักษาในโรงพยาบาล ทั้งตอนส่งตัวและตกลงรับตัวไว้รักษาครับ ส่วนการนอนยาวอยู่รพ.นานถึง 6 เดือนก็ต้องมีหลักฐานการรักษาตัว ว่ามีการรักษาดูแลต่อเนื่องยาวนานถึงเพียงนั้นจริง

 

ถาม: ตรงนี้ความเห็นแพทยสภา ลงเอยไว้อย่างไรครับ
ตอบ: เขาบอกว่า คดีนี้ไม่มีความเห็นที่ถูกต้องตามมาตรฐานทางการแพทย์  คือความเห็นของแพทย์ราชทัณฑ์นั้น ก็ไม่มีการตรวจสุขภาวะจริง เป็นความเห็นที่ให้ไว้ล่วงหน้า ส่วนทางแพทย์ รพ.ตำรวจ ก็เป็นความเห็นให้รับตัวไว้ โดยไม่มีหลักฐานทางการแพทย์สนับสนุน จึงสรุปเป็นโทษทางจรรยาบรรณ ให้ตักเตือน 1 คน   และพักใบอนุญาต 2 คน

ถาม: แล้วในทางอาญาจะติดคุกไหมครับ
ตอบ: ตัวการกระทำคือการให้ความเห็นนั้น แพทยสภาชี้ไปแล้วว่าไม่ได้มาตรฐานไปแล้ว ส่วนเรื่องความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่นี้เป็นเรื่องของ ปปช. ที่ต้องไต่สวนไปถึงตัวคน ว่ามีทุจริตในใจหรือไม่ซึ่งก็ยังไต่สวนค้างคาอยู่จนทุกวันนี้

 

ถาม: แล้วการไต่สวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่างทางการเมืองจะยุติตามแพทยสภาหรือไม่ครับ
ตอบ: ตรงนี้เป็นเรื่องผลการบังคับคดีตามหมายจำคุกของศาล ศาลท่านต้องเรียกข้อมูลจากแพทยสภาไปไต่สวนแน่ๆ เมื่อรวมกับพยานหลักฐานอื่นแล้วผลการไต่สวนจะลงเอยเป็นความจริงอย่างไร และศาลสั่งการอะไรได้บ้าง ทั้งหมดนี้เราก็ต้องรอดูกันต่อไป

 

สังคมแห่งความชิงชัง

ถาม: ทนายวันชัย เขากล่าวหาว่าพวกอาจารย์ทำไปด้วยความชิงชังทักษิณ อาจารย์จะว่าอย่างไร?
ตอบ: ผมจะโต้ว่าเขาพูดออกมาเพราะรักลุ่มหลงทักษิณก็ได้ แต่มันก็ไร้สาระเหมือนกันอยู่ดี คนเราแลกเปลี่ยนความเห็นกันทางกฎหมายก็ควรว่ากันออกมาตามเหตุตามผล ไม่ต้องเสือกไปดูจิตใจกันว่าใครรักหรือชิงชังทักษิณ ถ้าเสือกกันอย่างนี้มากๆ ศาลจะตัดสินคดีนี้ได้ลำบาก สั่งไปทางไหนก็ถูกเขาว่าได้ทั้งนั้นว่า ศาลรักหรือชังทักษิณ ใครจะเป็นนักกฎหมายที่ซื่อตรง หรือบ่างช่างยุ รกบ้าน รกเมือง ก็ต่างกันตรงที่มีนิสัยเสือกแบบนี้หรือไม่นั่นเอง

ถาม: ถ้าทักษิณรู้จักเลี้ยงหลานอยู่เงียบๆ อาจารย์ว่าจะมีปัญหาอย่างทุกวันนี้ไหม
ตอบ: ผมว่าเขาอยู่ได้สบายเลย แต่พอมาออกหน้าเป็นผู้นำรัฐบาล เป็น สทร.ประกาศผลักดันประเทศไปทางโน้นทางนี้อย่างนี้ กระแสคัดค้านจึงเกิดขึ้นเป็นธรรมดา

 

ถาม: ถ้าปล่อยอย่างนี้ต่อไปอะไรจะเกิดขึ้น
ตอบ: เมื่อมีคนนำอยู่นอกระบบแบบนี้ การนำที่แท้จริงทั้งในรัฐบาล ในสภา และในสังคมจะไม่เกิดขึ้น การปกครองไทยจะไปไม่เป็น ยิ่งต้องดิ้นรนเอาตัวรอดแจกเงินสร้างคะแนนนิยม หรือดื้อดึงจะเสกเงินเข้าประเทศง่ายๆจากทุนกาสิโน เช่นทุกวันนี้ด้วยแล้ว ปัญหาแท้จริงซึ่งความอับจนของเศรษฐกิจไทยและปากท้องชาวบ้าน ก็ยิ่งจะเลือนหายไปจากสำนึกของผู้ปกครอง จนการเมืองและเศรษฐกิจทรุดหนักลงไปทุกวัน

 

ถาม: ได้ข่าวว่าวันนี้ปิดงบประมาณไม่ได้ จนต้องหาเงินกู้มาโปะถึง 5 แสนล้าน เลยนะครับ
ตอบ: ผมก็ได้ข่าวเหมือนกันว่าไม่มีใครเขาให้กู้ เพราะไม่มียุทธศาสตร์ฟื้นฟูบ้านเมืองที่น่าเชื่อถือให้เขาเห็น มีแต่โครงการจะแจกเงินเด็กเป็นแสนล้าน ทุกวันนี้มูดดี้ก็จัดเกรดเราว่าอยู่ในระดับอาจต้องลดความน่าเชื่อถือลงแล้ว สิ่งที่บ้านเมืองเราต้องการจริงๆในวันนี้ คือการช่วยเหลืออุ้มชูชาวบ้านกับการผลิตพื้นฐานให้พอประทังอยู่ต่อไปได้ แล้วทุ่มเทสร้างวิสัยทัศน์กับยุทธศาสตร์ใหม่เพื่อสร้างชาติร่วมกันเท่านั้น วันนี้โลกาภิวัฒน์เดิมมันจบแล้วนะครับ

 

ถ้ายังคิดยังจมอยู่ทุกวันกับประชานิยมพล่อยๆ บวกการขายชาติ ขายสังคม ขายศีลธรรม ให้กับทุนกาสิโนโลกอยู่อีก ผมเชื่อว่าในไม่ช้า “เขา” คนนั้น จะต้องหายไปจากประเทศไทยแน่นอน ไม่ว่าคดีชั้น 14 จะลงเอยอย่างไรก็ตาม