วันที่ 30 เมษายน 2568 เวลา 13.00 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำสั่ง “ไม่รับคำร้อง” ที่ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นขอให้ศาลพิจารณาไต่สวนกรณีที่กรมราชทัณฑ์มีคำสั่งให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 8 ปี (ภายหลังได้รับพระราชทานอภัยโทษลดเหลือ 1 ปี) ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครเพื่อเข้ารับการรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล
นายชาญชัย ให้เหตุผลว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจขัดต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89, 89/2 (1)(2) และมาตรา 246 โดยเห็นว่าไม่สามารถอ้างอิง กฎกระทรวง ว่าด้วยการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษานอกเรือนจำ พ.ศ. 2563 ได้ แม้จะออกตามอำนาจที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 55 วรรคสอง ของพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560
เนื่องจากเป็นกฎที่ขัดกับกฎหมายระดับพระราชบัญญัติ
ผู้ร้องจึงขอให้ศาลมีคำสั่งออกหมายจับ และหมายขังนายทักษิณ ให้กลับไปรับโทษตามคำพิพากษาเดิม
โดยให้เหตุผลว่า นับตั้งแต่ นายทักษิณเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม นายทักษิณ ยังไม่เคยถูกคุมขังในเรือนจำแม้แต่วันเดียว เนื่องจากอยู่ในความดูแลของโรงพยาบาลมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม ศาลฎีกาฯ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า คำร้องของ นายชาญชัย ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณา จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้ไต่สวน และไม่ดำเนินกระบวนการใดต่อ
อย่างไรก็ตาม เมื่อความปรากฏต่อศาลว่าอาจมีการบังคับตามคำพิพากษาที่ไม่เป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของศาลนี้ ศาลย่อมมีอำนาจไต่สวนและมีคำสั่งตามที่เห็นสมควร จึงเห็นควรส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์และจำเลย
ศาลจะตรวจสอบข้อเท็จจริงเอง โดยให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ดำเนินการเกี่ยวกับการบังคับการบังคับโทษจำคุกเป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของศาลหรือไม่
นอกจากนี้ไม่ยังให้โจทก์และจำเลย พร้อม 3 หน่วยงาน แจ้งให้ศาลทราบ พร้อมแสดงหลักฐานที่เกี่ยวข้องภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับทราบคำสั่งศาล โดยศาลมีคำสั่งนัดพร้อมหรือนัดไต่สวนในวันที่ 13 มิถุนายนนี้ เวลา 09.30 น.