วันนี้ (30 ก.ย. 67) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติประกาศรับรอง นายจเด็ศ จันทรา พรรคเพื่อไทย เป็น สส.พิษณุโลก เขตเลือกตั้ง ที่ 1ตามที่สำนักงานกกตเสนอ หลังได้รับเลือกตั้งมาด้วยคะแนนสูงสุด และไม่ปรากฏหลักฐานว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2567เป็นไปโดยไม่สุจริตเที่ยงธรรม
ทั้งนี้การเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขตเลือกตั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 15ก.ย. ที่ผ่านมา สืบเนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรค และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล จากเหตุกระทำการล้มล้างการปกครอง ซึ่งหนึ่งในนั้น มี นายปดิพัทธ์ สันติธาดา อดีตสส.พิษณุโลก รวมอยู่ด้วย
โดยการเลือกตั้งในวันที่ 15 ก.ย. มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 138,582 คน มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 761,526 คน บัตรดี 67,840 ใบ บัตรเสีย 1,108 ใบ บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 7,204 ใบ
ผลการเลือกตั้ง นายจเด็ศ จันทรา ผู้สมัครหมายเลข 2 พรรคเพื่อไทย ได้ 37,209 คะแนน และ นายณฐชนก ชนะบูรณาศักดิ์ ผู้สมัครหมายเลข 1 พรรคประชาชนได้ 30,631 คะแนน
ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่ผลสำรวจความนิยมทางการเมือง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มาเป็นอันดับ 1 แต่มีคนมองว่าอาจจะเป็นบารมีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า นายทักษิณไม่ได้มีหน้าที่ในรัฐบาล และเมื่อนางสาวในแพทองธาร เข้ามาทำหน้าที่ ก็มีผลบวกขึ้นทุกด้าน
เช่น หุ้นก็ขึ้น หลังจากลงพื้นที่ไปดูปัญหาน้ำท่วมของประชาชน และทำงานอย่างหนัก ก็ได้รับความชื่นชม รวมทั้งเงิน 10,000 บาท ล็อตแรกที่ออกมา ก็เฮทั้งประเทศ และมีความสุข ส่วนเฟส 2 อีก 25 ล้านคน ผลตอบรับก็น่าจะดีกว่านี้ เศรษฐกิจก็ดี พ่อค้าแม่ขายก็ได้ขายของดีขึ้น บางบ้านได้ 40,000-50,000 บาท ก็ไปซื้อวัวมาเลี้ยง ทุกอย่างหมุนไปหมด และเชื่อว่าต่อไปก็ยิ่งดีขึ้นกว่านี้
“ไม่ใช่บารมีของนายทักษิณ ลูกสาวท่านทำงานได้อย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ ซึ่งก็เชื่อว่าคุณพ่อก็ต้องให้คำแนะนำ เป็นเรื่องปกติ ซึ่งเราห้ามไม่ได้ อันนี้เป็นเรื่องที่ดีเป็นเรื่องบวกกับประเทศชาติและประชาชน” นายวิสุทธิ์ กล่าว
ส่วนของพรรคจะต้องปรับอะไรหรือไม่เพราะคะแนนความนิยมไม่ได้มาเป็นอันดับ 1 นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า มีความย้อนแย้งกัน โพลระหว่างพรรคกับตัวบุคคล แต่ตนมั่นใจว่าวันนี้ที่ทำงานกันในรัฐบาล เชื่อว่าจะอยู่ในหัวใจของประชาชน เห็นได้จากทีมนายกฯ ที่ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ว่าไปกันทุกพรรค และรัฐมนตรีก็ไปกันหมด ก็จะเห็นได้ว่าความสามัคคีนั้นมี ชาวบ้านอยากให้รัฐบาลเข้มแข็ง ทำงานกันเป็นทีมแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเลือกคนไม่เลือกพรรค แต่จากการฟังกระแสของประชาชนเห็นตรงข้ามกับโพลที่ออกมา