เปิดอำนาจ "เศรษฐา" ย้าย ผบ.ตร.-บิ๊กโจ๊ก แค่ชั่วคราว

20 มี.ค. 2567 | 11:40 น.

เปิดอำนาจนายกฯ ย้าย "บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก" เข้าสำนักนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 11(4)  พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ได้ชั่วคราว แต่จะย้ายขาดจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้ ถ้าเจ้าตัวไม่สมัครใจ

วงการสีกากียังคงร้อนแรงดูท่าจะยังไม่จบง่าย ๆ หลังจากที่ "2 บิ๊ก" สีกากี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร ตั้งโต๊ะแถลงที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่า จบปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น

ไม่กี่ชั่วโมงถัดมาก็มีข่าวระบุว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รอง ผบ.ตร มาปฏิบัติงานที่สำนักนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร รองผบ.ตร.รักษาการแทน

ปรากฎการณ์ครั้งนี้เรียกเสียงฮือฮากับสังคมเพราะถือได้ว่า เป็นครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งเด้ง บิ๊กตำรวจสองนายเข้าสำนักนายกฯ ในคราวเดียวกัน  

เมื่อพลิกดูกฎหมายที่ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีย้ายข้าราชการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในสำนักนายกรัฐมนตรีพบว่า ส่วนใหญ่จะใช้พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 11(4) บัญญัติว่า 

“ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลมีอำนาจ สั่งให้ข้าราชการซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมหนึ่งมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยจะให้ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิมหรือไม่ก็ได้ ในกรณีที่ให้ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิม ให้ได้รับเงินเดือนในสำนักนายกรัฐมนตรีในระดับ และขั้นที่ไม่สูงกว่าเดิม”

อย่างไรก็ตามกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการโยกย้ายข้าราชการตำรวจอีกฉบับคือ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2565 มาตรา 93 ระบุว่า “การโอนข้าราชการตำรวจไปรับราชการในส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นจะกระทำได้เมื่อเจ้าตัวสมัครใจ และส่วนราชการ หรือหน่วยงานต้องการจะรับโอนผู้นั้นโดยให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานที่ขอรับโอนทำความตกลงกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

สรุป การย้ายพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เข้าไปปฏิบัติงานที่สำนักนายกรัฐมนตรีครั้งนี้จึงไม่ใช่การย้ายขาดจากสตช. เพราะตามกฎหมายระบุชัดว่าหากจะมีการโอนย้ายพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปรับราชการในสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้ง 2 คนให้ความยินยอมด้วย หาก 2 คนไม่ยินยอมจะดำเนินการไม่ได้

สอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่า ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ทั้ง 2 คนมาช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นระยะเวลา 60 วัน