งานเข้า“นายกฯ” ร้องสอบปมส.ส.ฝากผู้กำกับตำรวจ ถึงมือ ป.ป.ช.แล้ว

24 พ.ย. 2566 | 07:09 น.

“ศรีสุวรรณ”ร้อง ป.ป.ช.สอบนายกฯ ปม “ส.ส.ฝากผู้กำกับตำรวจ” ชี้ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม ด้าน ป.ป.ช.ไม่หนักใจสอบปมฝากตำรวจ ชี้ต้องแสวงหาพยานหลักฐาน 360 องศา หากองค์ประกอบครบ ก็ผิดทั้งผู้ขอและผู้ให้

วันนี้ (24 พ.ย.66) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน เข้ายื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบพฤติการณ์ในการใช้อำนาจของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง  ในฐานะประธานกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ในการแต่งตั้งนายตำรวจระดับผู้กำกับ (ผกก.) หรือไม่  

จากกรณีที่นายกรัฐมนตรี พูดในที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา และได้หลุดปากพูดว่า "ผู้กำกับใหม่ ซึ่งผมมั่นใจว่าคงมีผู้ผิดหวังมากกว่าผู้สมหวังในห้องนี้ที่ขอตำแหน่งไป เพราะรู้สึกมันเยอะเหลือเกิน แต่ก็มีไม่น้อยที่ได้สมหวัง แต่ก็เป็นผู้กำกับใหม่ ซึ่งเราจะต้องพูดคุยเรื่องนี้กันให้เข้าใจถึงถ่องแท้ และต้องกำจัดปัญหานี้ออกไป ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเราเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ" 

นายศรีสุวรรณ  กล่าวว่า คำพูดของนายกฯ เป็นเรื่องที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 186 วรรคสอง เข้าข่ายการฝ่าฝืนจริยธรรม ส่วน ส.ส.ที่มีพฤติการณ์การขอตำแหน่งไปยังนายกฯ จะเข้าข่ายความผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 (3)  แต่พฤติการณ์ของ ส.ส.ก็เข้าข่ายผิดจริยธรรรมด้วย 

ทั้งนี้ ตอนที่ นายเศรษฐา หาเสียงเลือกตั้ง ยืนยันว่า จะไม่มีการทุจริตและการใช้อำนาจเข้าไปแทรกแซงโยกย้ายข้าราชการ เพื่อสร้างระบบอุปถัมภ์อีก แต่มาวันนี้ความจริงถูกเปิดเผยว่า มีพฤติการณ์ไปแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจจริง ดังนั้น ป.ป.ช.สามารถเรียกนายกฯ มาสอบในเรื่องนี้ว่า ส.ส.คนใดบ้างของพรรคเพื่อไทย ที่เสนอให้มีการโยกย้ายผู้กำกับ 

นายศรีสุวรรณ กล่าวด้วยว่า ที่นายกฯ ออกมาชี้แจงก็เหมือนเป็นการแก้ตัวไปแบบน้ำขุ่นๆ ว่าไม่มีเจตนา และไม่เคยเข้าไปก้าวก่าย ซึ่งเป็นการแก้ตัวและหาเหตุอ้าง ว่าตัวเองไม่ได้ทำ แต่คำพูดที่ออกมาเป็นประจักษ์พยานที่ชัดเจน  

“นักการเมืองนักวิชาการหลายคนก็พูดตรงกันว่า เป็นเหมือนใบเสร็จที่ไม่สามารถลบล้างสิ่งที่พูดไปแล้วได้ ที่ผ่านมานายกฯ ก็ชอบพูดอย่าง ทำอย่าง ในลักษณะแบบนี้หลายครั้ง ทำให้ความน่าเชื่อถือของผู้นำประเทศหายไป   อย่างกรณีขอเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่บอกว่าจะไม่กู้ สุดท้ายก็ต้องกู้ หรือ กรณีการสู้รบในอิสราเอล ก็ไปตำหนิกลุ่มฮามาส จนกระทั่งมีปัญหาแรงงานไทยจับถูกจับตัวไปเป็นตัวประกัน”

นายศรีสุวรรณ ชี้ว่า  นายกฯ มีเจตนาจงใจที่ละเมิดรัฐธรรมนูญและกฎหมาย รวมถึงฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จึงต้องนำเรื่องนี้มาร้องต่อป.ป.ช. ตามครรลองของกฎหมาย

ด้านนายภูเทพ ทวีโชติธนากุล รองโฆษกสำนักงาน  ป.ป.ช. กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ที่ ป.ป.ช.จะต้องตรวจสอบ โดยพิจารณาจากพยานหลักฐานที่ปรากฏตามสื่อ ว่า เข้าเงื่อนไขความผิดตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ เรามีกรอบเวลาดำเนินการอยู่ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่สาธารณะให้ความสนใจ ก็จะจัดลำดับขึ้นมาดำเนินการ 

ส่วนคลิปที่นายกฯ พูดในที่ประชุม ส.ส.เพื่อไทย สามารถนำมาประกอบการพิจารณาได้หรือไม่ นายภูเทพ กล่าวว่า ต้องรวบรวม ทั้งที่ปรากฏตามสื่อ ผู้หวังดีส่งให้ หรือ ข้อมูล นายศรีสุวรรณ ส่งมาให้วันนี้  ก็จะนำมาประกอบทั้งหมด แต่ก็อยู่ภายใต้การดำเนินการของ ป.ป.ช. และเราก็สามารถส่งเจ้าหน้าที่ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้  

สำหรับบทลงโทษสูงสุด กรณี ส.ส. หรือ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปก้าวก่ายการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ นายภูเทพ กล่าวว่า มี 2 ส่วน ถ้าเป็นเรื่องฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมร้ายแรง ก็จะเป็นการพ้นจากตำแหน่ง และถูกตัดสิทธิ์ แต่ถ้าเป็นเรื่องของการแทรกแซงข้าราชการฝ่ายประจำ ที่มีการแต่งตั้งก็ถือว่าเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ก็ต้องดูว่าเข้าเงื่อนไขใด 

เมื่อถามว่า ตามกฎหมายผิดทั้งคนขอและคนให้ใช่หรือไม่ นายภูเทพ กล่าวว่า ถ้าครบเงื่อนไขทั้งหมด   

เมื่อถามย้ำว่า อะไรจะเป็นพยานหลักฐานที่บ่งชี้ความผิดได้ เพราะตอนนี้มันปรากฏแค่คำพูดที่สามารถโต้ และแก้ข้อกล่าวหาได้ นายภูเทพ กล่าวว่า ก็เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่ต้องดำเนินการ ว่าเรื่องที่ปรากฏออกมาตามสื่อ มีที่มาที่ไปอย่างไร ก็ต้องสอบสวนย้อนไป และขอข้อมูลไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในเรื่องการแต่งตั้งระดับผู้กำกับก็ได้ ต้องหาข้อเท็จจริงทั้งหมด 360 องศา ไม่ได้รับฟังแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง  

เมื่อถามว่า ป.ป.ช.กดดันหรือหนักใจหรือไม่ ที่ต้องสอบบุคคลสำคัญซึ่งเป็นถึงนายกฯ นายภูเทพ กล่าวว่า มันเป็นงานประจำของ ป.ป.ช.อยู่แล้วทำมาตั้งแต่ปี 2542 ตรวจสอบนายกฯ มาตั้งหลายคน รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับ ก็เป็นงานปกติของ ป.ป.ช.