บิ๊กสธ.เฮ! ศาลปกครองสูงสุดยืนไม่รับฟ้องปมจัดซื้อยาฟาวิพิราเวียร์

07 มิ.ย. 2566 | 10:02 น.

ศาลปกครองสูงสุดยืนไม่รับฟ้องปมสั่ง สธ. ระงับจัดซื้อยาฟาวิพิราเวียร์รักษาโควิด ชี้เป็นกรณีที่ไม่อาจออกคำบังคับได้ ผู้ฟ้องไม่มีสิทธิฟ้องคดี


วันนี้ (7 มิ.ย. 66 ) ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ในคดีที่สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นฟ้อง รมว.สาธารณสุข(รมว.สธ.) ปลัด สธ. อธิบดีกรมการแพทย์เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-4 ขอให้สั่งกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ระงับการจัดซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) มาใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) 

ทั้งนี้ศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า การที่ยื่นฟ้องให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 4 ระงับการจัดซื้อหายาฟาวิพิราเวียร์ เนื่องจากมีข้อเท็จจริงว่า ยาไม่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคโควิด 19 และอ้างข้อเท็จจริงว่า ยาฟ้าทะลายโจรมีประสิทธิภาพในการรักษาดีกว่านั้น 


เมื่อการดำเนินการจัดหาและบริหารจัดการเกี่ยวกับเวชภัณฑ์ เพื่อป้องกันและบรรเทาการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 รวมถึงการจัดซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อของผู้ถูกฟ้องทั้ง 4 สืบเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งนายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีอาศัยอำนาจตามมาตรา 5 พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. 63 เพื่อควบคุมมิให้โรคแพร่ระบาดออกไปในวงกว้าง 

การดำเนินการจัดหาและบริหารจัดการเกี่ยวกับเวชภัณฑ์เพื่อป้องกันและบรรเทาการแพร่ระบาดของโรค รวมถึงการจัดซื้อยาเป็นงานทางนโยบายการสาธารณสุขของประเทศ ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 

และการที่ศาลฯ จะบังคับให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 4 พิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลข้างเคียงของผู้ป่วยที่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ ต้องเป็นผลสืบเนื่องมาจากผลการศึกษาวิจัยในทางวิชาการอย่างชัดเจน เป็นที่ยอมรับในวิชาการทางการแพทย์ ซึ่งเป็นเรื่องการวิจัยทางการแพทย์ ในเรื่องการใช้ยารักษาโรคโควิด -19 ซึ่งต้องศึกษาและทำการวิจัยโดยบุคลากรทางการแพทย์ ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านยาโดยเฉพาะ

ประกอบกับการศึกษาวิจัยทางการแพทย์กรณีนี้ต้องอนุมัติเงินงบประมาณแผ่นดิน เพื่อสนับสนุนโครงการดังกล่าวอันเป็นเรื่องเกี่ยวกับงานนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล 

ศาลปกครองจึงไม่อาจก้าวล่วงไปพิจารณาให้ผู้ถูกฟ้องทั้ง 4 ระงับการจัดซื้อจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ หรือ พิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลข้างเคียงของผู้ป่วยที่ได้รับยาดังกล่าว และกำหนดมาตรการ หรือ กลไก ที่ชัดเจนเกี่ยวกับการชดเชยดูแลค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 ภายในเวลาที่ศาลกำหนดได้ 

ดังนั้น คำฟ้อง และ คำขอของสมาคมฯ จึงเป็นกรณีที่ศาลไม่อาจออกคำบังคับตามที่กำหนดในมาตรา 72 วรรคหนึ่ง(2) แห่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 สมาคมฯ จึงไม่มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง แห่งกฎหมายเดียวกัน