ตะลึง! ศาลยกฟ้อง “หลงจู๊สมชาย” คดีฟอกเงินการพนันกว่า 200 ล้าน

15 พ.ค. 2566 | 12:53 น.
อัปเดตล่าสุด :15 พ.ค. 2566 | 13:06 น.

ศาลอาญายกฟ้อง “หลงจู๊สมชาย” และพวก 5 คน ฐานฟอกเงิน กว่า 200 ล้าน และพ.ร.บ.การพนัน ชี้เป็นเพียงพยานบอกเล่าน้ำหนักน้อย ส่วนพวกอีก 2 คน เจอคุก 2-3.6 ปี กองปราบฯ ชี้การยื่นอุทธรณ์เป็นเรื่องอัยการพิจารณาใน 30 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(15 พ.ค. 66) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีร่วมกันฟอกเงิน-พ.ร.บ.การพนันฯ หมายเลขดำ อ.1429/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสมชาย จุติกิต์เดชา หรือ “หลงจู๊สมชาย” ผู้กว้างขวางย่านภาคตะวันออก, บริษัท เดอะแคปปิทอล จำกัด 

โดย นายสมชาย หรือ หลงจู๊ จุติกิติ์เดชา, น.ส.จุฑามาศ วงษ์นิยม, น.ส.อุไรวรรณ วงษ์นิยม, นายวราวุธ วรวุฒิปรีชาเวชช์, น.ส.นภัสสร ปรุโปร่ง, และนายธนา จุติกิติ์เดชา บุตรชายนายสมชาย เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานร่วมกัน ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน, พ.ร.บ.การพนันฯ

อัยการโจทก์สรุปคำฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15 ก.ค. 62-30 มิ.ย. 63 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1-3 กับพวก ที่ยังหลบหนีร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันไฮโล บาคาร่า สล็อตแมชชีน ไพ่เสือ มังกร โดยไม่ได้รับอนุญาต ที่บ่อนการพนัน RJ มาบตาพุด ซอยธนาคารธนชาติ ถนนสุขุมวิท ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง 

โดยมีการเปิดบัญชีธนาคาร 3 แห่ง เพื่อรับโอนเงินจากนักพนันเพื่อนำไปซื้อชิปแทนเงินสดหลายครั้งหลายหน รวม 132,735,053 บาท 

นอกจากนี้พวกจำเลย ยังได้ร่วมกันกระทำผิดฐานฟอกเงินโดยโอนเงิน เบิกถอน จ่ายโอนเงินลักษณะสมคบกันเพื่อปกปิดแหล่งที่มา เปลี่ยนสภาพทรัพย์สินเพื่ออำพรางผ่านบุคคลและเครือผ่านบัญชีธนาคารต่างกรรมต่างวาระกันจำนวน 8,828 ครั้ง รวมยอดเงิน 232,746,053 บาท

พวกจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในส่วนจำเลยที่ 1 และ 7 จากพยานหลักฐานที่เบิกความสับสนุนต่างไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับจำเลยที่ 1 จึงเชื่อได้ตามพยานโจทก์และพยานจำเลยเบิกความว่า จำเลยที่ 1 ประกอบอาชีพให้กู้ยืมเงินด้วยจริง 

ส่วนพยานโจทก์ผู้สืบสวนเส้นทางการเงิน ก็ล้วนแต่เป็นการรวบรวมคำให้การของนักพนันจากการสืบสวนหาข่าว ซึ่งเป็นพยานบอกเล่าทั้งสิ้น พยานโจทก์ไม่ได้รู้เห็นด้วยตนเองจึงฟังมีน้ำหนักน้อย 

ประกอบกับที่ได้วินิจฉัยข้างต้นแล้วว่า โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานรับฟังได้ว่า บัญชีธนาคารในบัญชีที่ระบุ ของนายน้อย (เจ้าของบัญชีฟอกเงิน) และ น.ส.ศิริพร เปิดขึ้นโดยเจตนาสมคบฟอกเงินเป็นการเฉพาะ แต่กลับฟังได้ว่าเป็นการใช้บัญชีธนาคารตามปกติ พฤติการณ์ส่อแสดงว่า เป็นการโอนเงินเพื่อชำระหนี้คืนตามกฎหมาย พยานหลักฐานโจทก์จึงฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 และที่ 7 ซึ่งเป็นบุตรของจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินฯ

ด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม(รอง ผบก.ป.) กล่าวถึงกรณีศาลยกฟ้องคดีนี้ว่า สำนวนของพนักงานสอบสวนไม่ได้อ่อน ที่ผ่านมามีการรวบรวมพยานหลักฐานแน่นหนาอย่างชัดเจนในการกระทำความผิด จนพนักงานอัยการมีการสั่งฟ้อง 

แต่ในชั้นพิจารณากลับมีการตัดพยานปากเอกไป 3 ปาก ที่เป็นตำรวจชุดสืบสวน 2 นาย และ พนักงานสอบสวน 1 นาย ซึ่งเป็นตำรวจที่ทำคดีบ่อนการพนัน RJ ที่ มาบตาพุด จังหวัดระยอง 
โดยหลังจากนี้ การยื่นอุทธรณ์เป็นส่วนของพนักงานอัยการ ที่จะเป็นคนพิจารณา ภายใน 30 วัน