“บิ๊กป้อม” สั่งปราบ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ภายใน 3 เดือน

22 พ.ย. 2565 | 05:08 น.

“บิ๊กป้อม” สั่งเร่งปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้เสร็จใน 3 เดือน โอนเงิน 5 หมื่นบาทขึ้นไป ต้องใช้ซิมโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนเท่านั้น รวมทั้งออก พ.ร.ก. แก้ไขปัญหาบัญชีม้า

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ เป็นประธานการประชุมการแก้ไขปัญหาการฉ้อโกงประชาชนผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ (แก๊งคอลเซ็นเตอร์) โดยมีผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม

 

พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ เปิดเผยว่า พลเอกประวิตร มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จากการหลอกลวงของ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การประชุมในครั้งนี้ ที่ประชุมได้กำหนดแนวทางการดำเนินการเร่งด่วน

 

โดยกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน อาทิ การให้ธนาคารแห่งประเทศไทยออกประกาศ หรือข้อบังคับ ให้ธนาคารพาณิชย์ ระงับช่องทางการทำธุรกรรมออนไลน์ กับบัญชีต้องสงสัย การกำหนดให้การโอนเงิน Mobile Banking ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป ต้องใช้ซิมโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนเท่านั้น

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

 

พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์  กล่าวอีกว่า  การให้ กสทช. ออกมาตรการในการลงทะเบียนซิม การพัฒนาต่อยอด Application เป๋าตัง การให้ ปปง. แก้ไขกฎกระทรวง เรื่องการกำหนดจำนวนเงินสด ในการทำธุรกรรมที่สถาบันการเงินต้องรายงานต่อ ปปง. และการให้ ปปง.กำหนดหลักเกณฑ์ ให้สถาบันการเงินต้องดำเนินการ เมื่อตรวจพบบัญชีม้า

 

 นอกจากนี้ยังกำหนด ให้มีการดำเนินการ ในระยะถัดไป ได้แก่ การจัดให้มีการระบุตัวตน biometrics ของผู้เปิดและใช้บัญชีตั้งแต่เริ่มแรก และต่อมาเป็นระยะเพื่อให้มั่นใจว่า ข้อมูลถูกต้องแท้จริงและเป็นปัจจุบัน การเสนอแก้ไขกฎหมาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

 

อาทิ การออก พ.ร.ก. แก้ไขปัญหาบัญชีม้า และการผลักดันให้ผู้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยให้ใช้ ip version 6 เป็นมาตรฐานเดียวกันเพื่อประโยชน์ในการยืนยันตัวบุคคลและสถานที่



 

 

โดยในปี 2565 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับแจ้งความคดีออนไลน์ จำนวน 127,995 เรื่อง แบ่งเป็นคดีออนไลน์จำนวน 22 ประเภท โดยเป็นกรณีหลอกลวงซื้อขายสินค้าสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 47,111 คดี การโอนเงินเพื่อหารายได้จากกิจกรรม จำนวน 17,364 คดี และการหลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้รับเงิน จำนวน 15,301 คดี

 

ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ การข่มขู่หรือเชิญชวนลงทุนต่างๆ และอย่าให้ข้อมูลส่วนตัวกับผู้อื่นโดยง่าย และหากตกเป็นผู้เสียหายให้รีบแจ้งความที่สายด่วน 1441 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีตลอด 24 ชั่วโมง