ผบ.ตร.เผยผลตรวจไม่พบสารเสพติดมือ“กราดยิงหนองบัวลำภู”

07 ต.ค. 2565 | 10:29 น.

ผบ.ตร.เผยผลตรวจไม่พบสารเสพติดในคนร้าย “กราดยิงหนองบัวลำภู” แต่สั่งตรวจซ้ำ ยันไม่กระทบสำนวนคดี ให้เร่งรัดหาสาเหตุแรงจูงใจ เชื่อปมเกิดจากความเครียด ทะเลาะระแวงภรรยาจะไม่อยู่ด้วย

วันนี้( 7 ต.ค.65) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าทางคดีเหตุกราดยิงศูนย์เด็กเล็ก อบต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากว่า จากการผ่าชันสูตรศพ ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ ผู้ก่อเหตุของนิติเวช รพ.อุดร ไม่พบสารเสพติด

 

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะให้มีการตรวจซ้ำอีกรอบ แต่ทั้งนี้ผลตรวจดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อสำนวนคดี คดีฆ่าเหมือนเดิม คดีชันสูตรเหมือนเดิม เพียงแต่จะเป็นสาเหตุแรงจูงใจ ที่จะนำมาเป็นบทเรียนคราวต่อไป 

จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า เวลาประมาณ 04.00 น.ของวานนี้ (6 ต.ค.) ผู้ก่อเหตุได้ทะเลากับภรรยา และทางภรรยาได้โทรศัพท์ไปหาแม่ที่บ้านขอให้มารับ ตอนนี้ตำรวจเชื่อประเด็นมาจากความเครียด จากการทะเลาะระแวงภรรยาจะไม่อยู่ด้วย เพราะระหว่างที่ ส.ต.อ.ปัญญา ไปศาล ไม่มีอะไรผิดปกติ กลับมาก็มีเหตุเกิดขึ้น ทุกอย่างเหมือนเดิม


ส่วนประวัติ ส.ต.อ.ปัญญา เข้ามาเป็นตำรวจปี 2555 มีการตรวจร่างกายหลังจากสอบข้อเขียนได้ ตรวจไม่พบสารเสพติด ประกอบกับที่ได้รับรายงานจากตำรวจพื้นที่ที่แม่เขาพูดเองว่า พฤติการณ์การเสพยา มาเสพตอนย้ายมาที่ สภ.นาวัง ส่วนอาการทางจิตก็ยังไม่พบ  

สืบสวนสอบสวนเบื้องต้น ก่อนจะมาก่อเหตุกับเด็ก ตั้งแต่กลับจากศาลไม่เจอภรรยาและลูก ออกจากบ้านมาเจอใครขับรถชนยิง 3 ศพ ก่อนมาถึงศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และอาจมีปัญหาเรื่องเงินด้วย เพราะไม่มีงานทำ

 

เมื่อเริ่มทะเลาะกับภรรยา ภรรยาจะออกจากบ้าน จึงเกิดความหึงหวง แต่ข้อเท็จจริงยังไม่สามารถยืนยันได้ ต้องรอพยานหลักฐานประกอบ เบื้องต้นน่าจะมาจากความเครียดของที่คนมีภาวะผิดปกติ บางคนมีความรุนแรงทางจิตใจเมื่อมีผลกระทบเรื่องชีวิตส่วนตัวจะเกิดความรุนแรง ครั้งนี้อาจรุนแรงมากเป็นพิเศษที่ตำรวจจะต้องค้นหาความจริงให้ได้ 
 

ส่วนประเด็นความเครียดส่วนหนึ่งอาจมาจากการถูกให้ออกจากราชการ หรือ ถูกกลั่นแกล้งเรื่องยาเสพติดนั้น เห็นว่า การที่จะเอาคนหนึ่งออกจากราชการไม่ได้มาจากเรื่องกลั่นแกล้ง เป็นเรื่องตรงไปตรงมา ถ้าไม่มีความผิดไม่ได้ออกง่ายๆ หลังถูกจับกุมครอบครองยาบ้า มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตั้งแต่ต้นปี มาไล่ออกกลางปีหลังสอบสวนวินัยร้ายแรงพบว่าเป็นเรื่องจริง

 

ส่วนความเครียดอาจจากการขึ้นศาลหรือไม่นั้น ก่อนที่จะมาก่อเหตุไปขึ้นก็มีการพูดคุยกันระหว่างผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการศาล มีแนวโน้มที่ดีให้ไปหาความดีมาเป็นเหตุบรรเทาโทษ เพราะยาบ้ามีเพียงเม็ดเดียว อยู่ในเชิงบวกด้วยซ้ำ
 

ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า ส่วนที่ ส.ต.อ.ปัญญา มาก่อเหตุที่ศูนย์อนุบาล อาจเป็นไปได้ว่า หลังจากกลับจากศาลแล้วไม่พบภรรยาและลูก จึงอาจมาตามหาที่ศูนย์เด็กเล็ก เพราะลูกก็เรียนที่แห่งนี้แต่ไม่ได้มาเรียนหลายสัปดาห์เนื่องจากป่วย แต่ต้องรอพยานหลักฐานอื่นๆ ประกอบ เพราะภรรยาก็เสียชีวิตไปด้วย  

 

"ตอนนี้ได้ข้อมูลจากแม่ภรรยาและเพื่อนบ้าน แต่ขอเวลาตำรวจทำงาน ก็เริ่มรู้สาเหตุการคุ้มคลั่งครั้งนี้ ส่วนความเครียดกับเพื่อนร่วมงานคงไม่ใช่ เพราะออกจากราชการมาเกือบปีแล้ว น่าจะมาจากเรื่องครอบครัวเป็นสาเหตุหลัก สำหรับอาวุธปืนก็ถูกต้องที่คนร้ายใช้เงินส่วนตัวซื้อ มีใบอนุญาตถูกต้อง" 

 

ส่วนการเยียวครอบครัวผู้เสียชีวิต วันนี้ได้เตรียมเงินมาประมาณ 3 แสนบาท แต่ได้ปรึกษาหารือกันเพิ่มเติมว่า ในฐานะอดีตตำรวจมาก่อเหตุจะเชิญชวนข้าราชการตำรวจร่วมบริจาคช่วยเหลือครอบครัวผู้สูญเสีย เราจะเปิดบัญชีของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติไว้ ใครอยากร่วมบริจาคสามารถร่วมได้ ได้เงินเท่าไหร่ก็จะนำมาให้


ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาเร่งด่วน ที่ได้มอบนโยบายไปแล้วตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา เพราะเกิดเหตุคุ้มคลั่งเยอะ ตำรวจจะทำทุกมิติ นอกจากการปราบปราม บำบัด งานป้องกันก็จะไปช่วย

 

"นับแต่นี้เป็นต้นไป ผกก.ต้องไปเยี่ยมชุมนุมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ผู้การอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง ผมเองก็จะไป เพื่อจะได้ใกล้ชิดประชาชน รู้ปัญหาที่เกิดขึ้น เราต้องระวัดระวังกลุ่มสีแดง ครอบครัว ผู้นำชุมนุม ตำรวจต้องรับรู้" ผบ.ตร.ระบุ