“สามารถ”แจงร่วม"พรรครวมไทยสร้างชาติ"ชอบ“พีระพันธุ์”ตั้งใจทำงาน

28 ก.ย. 2565 | 07:55 น.

“สามารถ มะลูลีม” เผยร่วมงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ชอบความตั้งใจจริงของ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หวังใช้กฎหมายสร้างสวัสดิการนักกีฬาไทย พร้อมดูแลชาวมุสลิมต่อเนื่อง

วันที่ 28 ก.ย.2565  นายสามารถ มะลูลีม หรือ บังมาด กรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนเปิดตัวเข้ามาทำงานร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ปรากฏว่ามีคนสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งตนได้ตอบคำถามไปตามความจริงว่าตนกับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติรู้จักกันมานานแล้ว และเคยทำงานร่วมกันมาในหลายเรื่องตั้งแต่สมัยที่อยู่พรรคเดียวกัน

 

ในส่วนของตนเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นนักการเมืองของชาวกรุงเทพฯ มาเป็นเวลานานกว่า 37 ปี และได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน ให้ทำหน้าที่มาทุกตำแหน่งทางการเมือง ตั้งแต่ ประธานกรรมาธิการ กิจการชายแดนไทย , สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร , สมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพมหานคร , ประธานสภากรุงเทพมหานคร , รองประธานสภา กรุงเทพมหานคร , สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตคลองเตย เขตวัฒนา , ประธานสภาเขตพระโขนง , ประธานมูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย

 

ล่าสุดยังมีโอกาสได้เข้าไปช่วยทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าฯ กทม. ด้วย โดยตนทำงานอย่างเต็มที่ในทุกหน้าที่ ก่อนหน้านี้แม้ว่าจะเคยพูดว่าจะไม่เล่นการเมืองแล้ว เพราะทำงานมานานแล้ว และที่ผ่านมามีหลายคนมาชวนตนไปร่วมงานทางการเมืองซึ่งตนก็ไม่ได้ตัดสินใจ

 

"เมื่อเห็นว่า นายพีระพันธุ์ มีความตั้งใจจริงที่จะทำงานเพื่อบ้านเมือง และตนเองชอบในความคิดของ นายพีระพันธุ์ เพราะหายากที่จะเห็นคนซึ่งเป็นอดีตผู้พิพากษาเข้ามาทำงานการเมือง ตนจึงตัดสินใจเข้ามาช่วยกันทำงานทางการเมืองอีกครั้ง" 
 

 นายสามารถ มะลูลีม  กรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ

 

นายสามารถ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตนคิดมาเสมอว่า หากต้องการทำงานให้กับประชาชนแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โตอะไร ตนก็สามารถทำงานให้กับประชาชนได้ ตลอดการทำงานการเมืองมา 37 ปี ตนได้ทำหน้าที่ตามที่ตั้งใจ และได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนให้เข้ามาทำงาน อีกทั้งยังรู้จักกับผู้คนมากมาย ซึ่งตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่พระเจ้ากำหนด

 

หลังจากนี้เมื่อได้ทำงานด้านการเมืองอีกครั้ง ตนก็จะทำงานที่ตั้งใจอย่างเต็มที่ โดยในส่วนของตน บทบาทหน้าที่ที่จะเข้ามาทำงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ตนจะมุ่งเน้นการแก้ไข ปรับปรุงและเพิ่มกฎหมาย เพื่อใช้เป็นเครื่องมือพัฒนาการกีฬาของไทย รวมไปถึงการใช้กีฬาสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีกด้วย

 

“ผมสนใจเรื่องกีฬา เคยเป็นอุปนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทย และนายกสมาคมกีฬามวยไทยนานาชาติด้วย โดยเฉพาะกีฬามวยไทย ผมเห็นมาตั้งแต่เกิด เพราะคุณพ่อมีค่ายมวย ทำให้ผมสนใจกีฬานี้ และต้องการพัฒนาให้มวยไทยเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทย พร้อมเผยแพร่วัฒนธรรมไทย และสร้างรายได้เข้าประเทศ

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมอยากทำให้กรุงเทพฯเป็นเมืองหลวงกีฬามวยไทยของโลก หรือ เป็น Thai Boxing Hub ซึ่งผมได้พยายามประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ เช่น ในวันที่ 22-23 ต.ค.นี้ ก็ได้ร่วมกับผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร จัดการแข่งขันมวยไทยที่ลานคนเมืองด้วย” นายสามารถ กล่าว 

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค  หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ

 

นายสามารถ กล่าวต่อว่า ปัญหาที่ตนเห็นในการกีฬาของไทย คือเรื่องสวัสดิการของนักกีฬาที่ยังไม่มี เพราะหากต้องการให้กีฬาไทยแข็งแกร่งสู้กับประเทศอื่นๆ ได้ รัฐควรให้ความสำคัญกับเรื่องสวัสดิการของนักกีฬา เพื่อให้ทุกคนมีหลักประกันทางชีวิตด้วย  จึงควรมีการตั้งสำนักสวัสดิการขึ้นมาเพื่อดูแลเรื่องนี้

 

เหมือนกับสำนักสวัสดิการของทหาร ที่มีสวัสดิการให้กับนักกีฬาของเขา สำนักสวัสดิการของนักกีฬานี้ ควรจะมีบทบาทหน้าที่ในการดูแลทั้งนักกีฬาสมัครเล่น และนักกีฬาอาชีพ ที่อาจจะอยู่ในสังกัดของกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา เพื่อสนับสนุนให้นักกีฬาสามารถพัฒนาฝีมือของตัวเอง มีโอกาสฝึกซ้อมอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเพราะมีสวัสดิการดังกล่าวรองรับ

 

แต่ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีสำนักสวัสดิการนักกีฬา หรือกองทุนที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ให้แก่นักกีฬาไทย ทำให้หลายคนประสบความยากลำบากที่จะพัฒนาฝีมือตัวเอง บางคนมาเป็นนักกีฬาเพื่อทำชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ แต่เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจกลับไม่มีอาชีพ ต้องไปเป็นลูกจ้าง หรือบางคนไม่มีงานทำ

 

ส่วนของนักเรียนก็ต้องพักการเรียนชั่วคราว หรือหยุดเรียนเพื่อมารับใช้ชาติ ต้องเข้าใจว่าพวกเขาเหล่านี้ ทั้งเหนื่อยและต้องทุ่มเทเวลาในการฝึกซ้อม แต่กลับไม่มีรางวัลตอบแทนและความมั่นคงของชีวิตให้เลย ดังนั้นตนคิดว่าพรรครวมไทยสร้างชาติโดยตน จะเป็นผู้ขับเคลื่อนเรื่องนี้ให้กับนักกีฬาทีมชาติไทย และนักกีฬาอาชีพ 

 

“ผมเคยทำเรื่องนี้มาแล้ว และผลักดันจนเกิด พรบ.กีฬามวย ซึ่งผมต้องการทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับกีฬาประเภทอื่นๆ ด้วย นอกเหนือจากกีฬามวย อีกทั้งมีนักมวยจำนวนไม่น้อยที่มาชกมวยเพื่อเป็นอาชีพ เพื่อความหวังของครอบครัว แม้จะมีค่าตัวแพงแต่กลับไม่มีรายได้อย่างที่หวัง

 

ผมจึงมุ่งมั่นทำให้เกิด พรบ.กีฬามวยขึ้น อย่างที่สิงคโปร์ถ้าหากไปเป็นเทรนเนอร์ เขาจ้างเดือนละแสนบาทขึ้นไป ดังนั้นถ้าเราสร้างตรงนี้ขึ้นมาได้ ก็สามารถส่งออกเทรนเนอร์ไปต่างประเทศ และสามารถนำรายได้เข้าประเทศได้อีกด้วย ในส่วนของกีฬาประเภทอื่นๆ ก็เช่นกันผมก็ต้องการทำสวัสดิการให้กับนักกีฬาเช่นกัน ดังนั้นผมต้องการผลักดันให้เกิดกฎหมายเกี่ยวกับการดูแลสวัสดิการของนักกีฬาเหล่านั้น” นายสามารถ กล่าว 

 

นายสามารถ กล่าวด้วยว่า นอกจากประเด็นเรื่องกีฬาแล้ว ในส่วนของชาวมุสลิมนั้น ตนก็ตั้งใจจะขับเคลื่อนหลายด้านในการดูแลชาวมุสลิมในประเทศไทย ซึ่งสิ่งที่น่าดีใจล่าสุด ก็คือการจัดงานสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศซาอุดิอาระเบีย กับประเทศไทยขึ้นที่มูลนิธิศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย หลังจากที่มีการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ของสองประเทศ และตนก็ได้รับการติดต่อจากทางซาอุดิอาระเบียว่า จะมอบทุนให้กับมูลนิธิฯ เพื่อให้นำมาช่วยเหลือเด็กกำพร้าที่ทางมูลนิธิฯ ให้การช่วยเหลืออยู่ และเป็นการมอบให้ทุกปี

 

นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในเรื่องของความสัมพันธ์ที่จะดำเนินต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะการไปแสวงบุญของพี่น้องชาวมุสลิมที่เชื่อว่าจะราบรื่นยิ่งขึ้น และทราบว่าในอนาคตจะมีการเพิ่มเครื่องบินแบบพาณิชย์ที่จะบินไปยังซาอุดิอาระเบีย ซึ่งจะทำให้สะดวกยิ่งขึ้น และยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายการเดินทางของพี่น้องชาวมุสลิมไทยอีกด้วย