เปิดประวัติ “นารี ตัณฑเสถียร” ว่าที่อัยการสูงสุดหญิงคนแรกของไทย

08 มิ.ย. 2565 | 06:17 น.

เปิดประวัติ “นารี ตัณฑเสถียร” ว่าที่อัยการสูงสุดหญิงคนแรกของไทย หลัง ก.อ.มีมติเอกฉันท์เห็นชอบ แทน “สิงห์ชัย ทนินซ้อน” ที่เกษียณในปีนี้ เสนอวุฒิสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนนำความขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 มิ.ย.65)  ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการอัยการ (ก.อ.) มีมติเอกฉันท์ เห็นชอบให้ นางสาวนารี ตัณฑเสถียร อธิบดีอัยการ สำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด (อสส.) คนใหม่  เนื่องจากนายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อสส.คนปัจจุบัน จะมีอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 (30 ก.ย.65) และตามกฎหมายจะต้องพ้นจากตำแหน่ง อสส.ไปดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโส ตามมาตรา 39 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. 2553


โดยสำนักงาน อสส.จะดำเนินการตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 10 โดยจะมีหนังสือกราบเรียนประธานวุฒิสภา เพื่อให้นำเข้าที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป และเมื่อได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาแล้ว จะนำความขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ต่อไป

สำหรับประวัติของ นางสาวนารี ตัณฑเสถียร ว่าที่อัยการสูงสุด คนที่ 17 นั้น

 

สำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเนติบัณฑิตไทย 


ปริญญาโทรด้านกฎหมายเปรียบเทียบ Howard University, Wash, DC USA 


ปริญญาโทด้านกฎหมายระหว่างประเทศ The American University Wash, DC USA 


และปริญญาโทด้านกฎหมายการให้ความร่วมมือทางอาญาระหว่างประเทศ Vrije Unversity of Brussel, Belgium (ทุนรัฐบาลเบลเยียม)


 

เริ่มทำงานในปี  2528 ในสำนักงานคดีอาญาธนบุรี สำนักงานคดีอาญา สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย โดยทำหน้าที่ให้คำปรึกษากฎหมายแก่หน่วยงานภาครัฐ และเจรจา ตรวจร่างสัญญาภาครัฐ


ปี 2553 เป็นอาจารย์ (พิเศษ) คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 


ปี 2554 เคยดำรงตำแหน่งเลขานุการรองอัยการสูงสุด (ตระกูล วินิจนัยภาค

 

เลขานุการอัยการสูงสุด

 

และปัจจุบันดำรงตำแหน่ง อธิบดีอัยการ สำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย


ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีผลงานโดดเด่น อาทิ คดีเพชรซาอุฯ คดีฆ่าเจ้าหน้าที่การทูตซาอุฯ สัญญาเกี่ยวกับพลังงาน สัญญาเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ สัญญาร่วมลงทุน สัญญาการจัดหาวัคซีนและยารักษาโรคระบาดโควิด-19 และได้รับเลือกเป็น ก.อ. ผู้ทรงคุณวุฒิ (ประเภทข้าราชการอัยการชั้น 5 ขึ้นไป) 2 สมัย