นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการ ( กมธ.) กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน คณะที่สอง สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กล่าวถึงประเด็นการปรับราคาน้ำมันดีเซลในวันที่ 1 พฤษภาคม นี้ ว่า คณะอนุกรรมาธิการฯมีความเห็นใจรัฐบาลที่ประสบปัญหาเรื่องวิกฤติพลังงานที่ผ่านมา เนื่องจาก 2 ปัจจัย คือ
วิกฤติโควิด-19 ที่เริ่มมีการฟื้นตัวทำให้มีการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นและประเด็นที่ 2 คือภาวะสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดปัญหาราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขยับตัวสูงขึ้น
โดยสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้นคือประชาชนได้รับความเดือดร้อน แต่สิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการที่ผ่านมาถือว่าเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องแล้วที่ได้พยุงราคาน้ำมันดีเซลซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการขนส่ง โดยการตรึงราคาน้ำมันจะทำให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ปรับตัวสูงขึ้น จะได้ลดความเดือดร้อนของประชาชน
นอกจากนี้ที่ผ่านมารัฐบาลยังได้ใช้กลไกการอุดหนุนกองทุนน้ำมันมาชดเชยทำให้ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร และใช้นโยบายลดภาษีสรรพสามิต ซึ่งทั้งสองมาตรการสามารถลดความเดือดร้อนของประชาชนจากวิกฤติเศรษฐกิจและวิกฤติโควิด-19 ได้มาก
แต่ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการประกาศขึ้นราคาน้ำมันดีเซลช่วงวันที่ 1 พฤษภาคม นั้น ทางคณะอนุกรรมาธิการฯ จึงอยากขอให้นายกรัฐมนตรีได้ทบทวนเรื่องการขึ้นน้ำมันดีเซลอีกครั้ง โดยเสนอให้รัฐบาลใช้กลไกรัฐวิสาหกิจที่มีอยู่ซึ่งก็คือ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐบาล
“ฉะนั้นจึงขอให้นายกรัฐมนตรีได้ทบทวนชะลอการขึ้นราคาน้ำมันดีเซลไปก่อน โดยขอเสนอให้นายกรัฐมนตรีได้ให้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้หารือกับ ปตท.เนื่องจากผลการศึกษาของคณะอนุกรรมาธิการฯ พบว่า ปตท.มีต้นทุนแฝงที่ทำให้ ปตท.นั้นตั้งราคาน้ำมันดีเซลไม่สอดคล้องกับราคาต้นทุนที่แท้จริง โดยมีการบวกค่าขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปจากสิงคโปร์มาที่ไทย และมีการบวกค่าประกันภัยส่วนเพิ่ม
รวมถึงที่ผ่านมา ปตท.ไม่เคยชี้แจงต้นทุนการกลั่นน้ำมันที่แท้จริงในไทย ทั้งสามส่วนนี้จึงเป็นส่วนที่สำคัญที่อยากให้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้รัฐมนตรีพลังงานลงไปดูแล ปตท.”
นอกจากนี้ คณะอนุกรรมาธิการ เชื่อว่าหากนายกรัฐมนตรีสั่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานไปหารือกับ ปตท. โดยนำกลไกรัฐวิสาหกิจมาใช้แก้ไขปัญหาการขึ้นน้ำมันดีเซลในครั้งนี้ ก็จะสามารถเลื่อนการขึ้นราคาน้ำมันเชื้อเพลิงได้
จึงขอให้นายกรัฐมนตรีได้รับข้อเสนอของอนุกรรมาธิการฯ เพื่อลดความเดือดร้อนให้กับประชาชน เพราะหากนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลปล่อยให้มีการขึ้นราคาน้ำมันความเดือดร้อนก็จะไปตกที่ประชาชน และเมื่อราคาน้ำมันปรับขึ้น ราคาสินค้าก็จะปรับขึ้นด้วย ซึ่งจะมีปัญหาตามมาอีกทั้งเรื่องของเงินเฟ้อ ข้าวยากหมากแพง รวมถึงรายได้ของประชาชน
หากภาครัฐไม่สามารถแก้ไขวิกฤติพลังงานได้ ตนก็เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของสหพันธ์การขนส่งทางบกที่เสนอให้ปลดนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน