ขยายเวลาพรก.ฉุกเฉิน คุมเข้มโควิด-ความมั่นคง พื้นที่จชต.อีก3เดือน

10 มี.ค. 2565 | 04:06 น.

"บิ๊กป้อม"ประธานประชุม กบฉ. ขยายเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ต่ออีก 3 เดือน คงเข้มมาตรการ เฝ้าระวังพื้นที่ชายแดน ทั้งด้านความมั่นคงและโควิด-19

วันที่ 10 มี.ค.65 พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์  ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.)ครั้งที่1/2565 ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ  สมช.  ทำเนียบรัฐบาล

 

ที่ประชุมได้รับทราบ ผลการปฎิบัติงานตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ห้วง 20 ธ.ค.64 ถึง10 ก.พ.65  ซึ่งภาพรวมสถานการณ์การก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง และประชาชนได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยดีที่ผ่านมา รวมถึงรับทราบความคืบหน้าผลการดำเนินงานตามแผนปรับลดพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งมีแนวโน้มและโอกาสปรับลดพื้นที่เพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่อง

 

จากนั้น ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณา เห็นชอบตามข้อเสนอของ กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้าในการขอขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่ จชต. ยกเว้น อ.ศรีสาคร ,อ.สุไหงโก-ลก ,อ.แว้ง ,อ.สุคิริน จ.นราธิวาส  อ.ไม้แก่น ,อแม่ลาน จ.ปัตตานีและ อ.เบตง ,อ.กาบัง จ.ยะลา ออกไปอีกเป็นระยะเวลา 3 เดือน

 

ทั้งนี้ ตั้งแต่ 20 มี.ค.ถึง 19 มิ.ย.65 โดยเป็นการขยายระยะเวลา ครั้งที่ 67 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้สามารถดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ต่อไป 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

 

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ ทภ.4 ,กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้าให้เข้มงวดงานด้านการข่าว และเฝ้าระวังพื้นที่ชายแดน รวมถึงเร่งพิจารณาการปรับลดพื้นที่ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพิ่มเติม เพื่อรองรับการพัฒนาพื้นที่ และส่งเสริมเศรษฐกิจ และให้เฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วย
 

การประชุม คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.)

พล.อ.ประวิตร  ยังได้กล่าวขอบคุณ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกหน่วยงาน ที่ได้ปฏิบัติงานด้วยความเสียสละ ทุ่มเท จนกระทั่ง สถานการณ์มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ตามลำดับ และได้ขอบคุณประชาชนในพื้นที่ที่ให้ความร่วมมือ เป็นอย่างดี

 

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมที่จะดูแลความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัย ควบคู่กับการพัฒนาพื้นที่ให้มีความเจริญก้าวหน้า ประชาชนมีความอยู่ดีกินดี อย่างยั่งยืน ต่อไป