เปิดประวัติ พิชัย รัตตกุล อดีตประธานรัฐสภา-หน.พรรคประชาธิปัตย์

28 ก.พ. 2565 | 08:45 น.

เปิดประวัติ พิชัย รัตตกุล อดีตประธานรัฐสภา และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถึงแก่อนิจกรรมด้วยอาการมะเร็งปอดในวัย 96 ปี

28 กุมภาพันธ์ 2565 แวดวงการเมืองสูญเสียบุคคลสำคัญอีกราย หลังจากที่นายพิชัย รัตตกุล อดีตประธานรัฐสภา และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เข้ารับการรักษาด้วยอาการป่วยมะเร็งปอด ที่โรงพยาบาลศิริราช มีรายงานความคืบหน้าล่าสุดว่า นายพิชัยได้ถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบที่โรงพยาบาลศิริราช สิริรวมอายุ 97 ปี 

 

นายพิชัย รัตตกุล เกิดเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2469 ในครอบครัวไทยเชื้อสายจีน จบมัธยมโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ต่อมาได้ศึกษาต่อด้านพาณิชยศาสตร์ ที่โรงเรียนเซนต์สตีเฟ่น ฮ่องกง จากนั้นได้กลับมาดูแลธุรกิจของครอบครัวก่อนจะเข้าสู่เส้นทางการเมือง

 

นายพิชัยเป็นบุตรคนโต จากพี่น้องทั้งหมด 9 คน โดยนายพิชัยเป็นบุตรคนโต, ร้อยตรี ไพโรจน์ รัตตกุล (สมรสกับ นางประพันธ์ศรี ลีลานุช), นายแพทย์ ปราโมทย์ รัตตกุล, นางสาว ยุพิน รัตตกุล, นางสาว สุภาพรรณ รัตตกุล

 

นางยุพยงค์ รัตตกุล (สมรสกับ นาย Harry Studhalter), คุณหญิง สุภัจฉรีย์ ภิรมย์ภักดี (สมรสกับ นายจำนงค์ ภิรมย์ภักดี), นางยุพเรศ เที่ยงธรรม (สมรสกับ นายสุนัย เที่ยงธรรม) และนายแสนดี รัตตกุล (สมรสกับ นางสุพรรณี เอี่ยมสกุลรัตน์)

ชีวิตครอบครัว 

นายพิชัย สมรสกับ คุณหญิงจรวย (ศิริบุญ) มีบุตร-ธิดา 3 คน คือ ดร.พิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, ดร.อาณัฐชัย รัตตกุล และ คุณหญิงพัชรี ว่องไพฑูรย์

 

เส้นทางการเมือง

นายพิชัยเข้าสู่แวดวงการเมืองด้วยการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ปี2501 โดยมีนายควง อภัยวงศ์ เป็นหัวหน้าพรรค และเป็น ส.ส.ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2512 ก่อนเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาไม่นาน นายพิชัยเป็น 1 ใน 100 คนที่ลงชื่อคัดค้านการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของจอมพลถนอม กิตติขจร

 

เป็น 1 ใน 4 ของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่ลงชื่อในครั้งนั้น (นายดำรง ลัทธพิพัฒน์, นายเทพ โชตินุชิต, นายชวลิต อภัยวงศ์) ในปี 2516 นายพิชัย ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 

นายพิชัย ได้รับการแต่งตั้งเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช แต่ยังมิได้เริ่มปฏิบัติงานเนื่องจากไม่ได้รับความไว้วางใจจากสภาในการแถลงนโยบาย

 

ต่อมาในปี พ.ศ. 2519 ได้รับแต่งตั้งอีกครั้ง กระทั่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากนายกรัฐมนตรีลาออก และได้รับแต่งตั้งอีกสมัยหนึ่งแต่ดำรงตำแหน่งได้เพียง 12 วัน และได้เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณเพียงวันเดียวก็ต้องพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากการรัฐประหารของพลเรือเอก สงัด ชลออยู่

 

ในปี 2525 นายพิชัย ได้เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากครบวาระของ พันเอก (พิเศษ) ดร.ถนัด คอมันตร์ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงเวลานั้นได้ร่วมเป็นพรรคร่วมรัฐบาลให้การสนับสนุนการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งนายพิชัยได้เป็นรองนายกรัฐมนตรีด้วย

 

จากนั้นในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ นายพิชัยและพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลในวาระแรก และได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีแต่ในวาระที่ 2 ของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายพิชัยและพรรคประชาธิปัตย์ได้ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลเนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดสภาพการเป็นเผด็จการรัฐสภาเพราะเวลานั้นรัฐบาลมีเสียงสนับสนุนในสภาเป็นจำนวนมากแล้ว

 

ช่วงที่เป็นหัวหน้าพรรคมีเหตุการณ์ความแตกแยกภายในพรรคเกิดขึ้น เมื่อ "กลุ่ม 10 มกรา" ซึ่งนำโดยนายวีระ มุสิกพงศ์ ได้ลาออกจากพรรคไป เนื่องจากความขัดแย้งกันในแต่งตั้งหัวหน้าพรรค

 

ต่อมาเมื่อนายชวน หลีกภัย ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคและเป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยที่ 2 นายพิชัยได้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบกิจการเกี่ยวกับต่างประเทศและรับผิดชอบการจัดมหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ 1998 และได้ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาด้วย หลังจากนี้ไม่นานนายพิชัยได้ประกาศวางมือจากการเมืองเนื่องจากอายุมากแล้วแต่ยังมีตำแหน่งเป็นสภาที่ปรึกษาของพรรคประชาธิปัตย์อยู่

 

ในแวดวงสังคม นายพิชัย มีตำแหน่งเป็นประธานสโมสรโรตารีในประเทศ และเป็นคนไทยคนแรก ที่ได้ดำรงตำแหน่ง ประธานสโมสรโรตารีสากลในระหว่างปี พ.ศ. 2545 - พ.ศ. 2546 

 

ที่มา : วิกิพีเดีย