อนุทิน กางผลงานกลางสภาจัดหาวัคซีนไม่ล่าช้า

18 ก.พ. 2565 | 10:20 น.

อนุทิน ไม่หวั่น ยัน กลางสภา จัดหาวัคซีนไม่ล่าช้า เตรียมเดินหน้า 3 ประเด็นหลัก ดูแลบุคลากรด้านการแพทย์-ต่อยอดนโยบายเดิมเพิ่มนโยบายใหม่-ให้ประชาชนได้รับบริการที่ดีที่สุด

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ซึ่งวันนี้ (18 กุมภาพันธ์ 2565) เป็นวันที่ 2 ของการอภิปรายนั้น ช่วงหนึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ได้ลุกขึ้นชี้แจงหลังถูกพาดพิงเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยยืนยันว่าเป็นเรื่องทางวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิทางการแพทย์ไม่ใช่การตัดสินใจด้วยคน ๆ เดียวได้

 

สำหรับกรณีที่มีการกล่าวหาทั้งเรื่องของการจัดหาวัคซีนล่าช้า และไร้ประสิทธิภาพนั้น ยืนยันว่า ที่ผ่านมาได้ชี้แจงและถูกอภิปรายมาสองครั้งแล้วในการอภิปรายไม่ไว้วางใจซึ่งสุดท้ายจากการลงคะแนนอภิปรายไม่ไว้วางใจทั้งสองครั้งก็ได้รับคะแนนไว้วางใจเกิน 260 เสียง อย่างไรก็ดี ขอใช้โอกาสนี้พูดถึงสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขตั้งใจจะทำหลังจากนี้ไปว่า จะให้ความสำคัญใน 3 ประเด็น คือ

 

1.ดูแลบุคลากรทางด้านสาธารณสุข ให้ได้รับการบำรุงขวัญ กำลังใจในการทำงานได้เต็มศักยภาพ 2.ต่อยอดนโยบายเดิมเพิ่มนโยบายใหม่ และ3.ประชาชนได้รับการบริการที่ดีที่สุด ตลอดจนโรคระบาดอื่น ไม่ว่าจะอยู่ในภาวะปกติหรือภาวะวิกฤติ

 

พร้อมกันนี้นายอนุทินได้ ขยายความเรื่องของการดูแลบุคลากรทางด้านสาธารณสุขว่า จากวิกฤติโควิดซึ่งครั้งนี้เป็นรอบที่ 3 แล้ว เราได้เห็นว่า ทุกคนต้องใช้ประสบการณ์และองค์วามรู้ที่มีอยู่ซึ่งโชคดีมากที่กระทรวงฯมีบุคลากรเหล่านี้อยู่เป็นจำนวนมาก และเมื่อถึงเวลาอันควรเราก็ขอให้มีการบรรจุข้าราชการกลุ่มนี้ เพราะเราได้ลงทุนทั้งทางด้านการศึกษา และการปฏิบัติหน้าที่หน้างาน เป็นบุคลากรซึ่งอยู่ได้จากเงินบำรุงของโรงพยาบาลซึ่งจะอยู่ได้กี่เดือนก็ไม่ทราบ

 

รัฐบาลชุดนี้จึงเห็นว่า กระทรวงควรบำรุงขวัญและสร้างความมั่นคงระบบสาธารณสุขโดยเปิดตำแหน่งให้เป็น ข้าราชการได้ โดยได้นำเสอนและบรรจุขรก.ประมาณ 4 พันกว่าตำแหน่ง ในส่วนของ ขรก.ก็ให้มีค่าเสี่ยงภัยต่าง ๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

"ขณะนี้กำลังทำเรื่องเสนอท่านนายกฯ และรอง นายกฯ วิษณุ ที่อาจมีการบรรจุตำแหน่งแบล็คออฟฟิศด้วย ทั้งนี้ ก็ต้องสอดรับกับความมั่นคงของงบประมาณด้วย เมื่อทุกอย่างเป็นปกติประเทศไทยก็จะมีความมั่นคงทางด้านสาธารณสุข มีบุคคลากรที่อยู่กับกระทรวงฯและอยู่ดูแลประชาชนต่อไป

ขอยืนยันว่า เราเสียใจกับการสูญเสีย หลายอย่างแพทย์ควบคุมสถานกาณ์การได้แต่ไม่ได้ดีใจ เราต้องมีความพร้อมตลอดเวลาหลักฐานสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยได้ชื่อว่า เป็นประเทศที่มั่นคงทางสาธารณสุข คือ ไทยได้รับจัดอยู่ในลำดับที่ 5 จาก 195 ประเทศที่มีความเข้มแข็งทางด้านสาธารณสุข และอันดับ 1 ของโลกในการรายงานตรวจจับโรคที่รวดเร็ว

 

ยืนยันว่า วันนี้เรามีความพร้อมทั้งด้านวัคซีน ครอบคลุมประชาชากรได้ วัคซีนเต็มแขน และมีความพร้อมที่จะฉีดวัคซีนต่อไป จนกว่าจะกลายเป็นโรคปกติทั่วไปซึ่งก็ยังต้องฉีดกันทุกปี

 

ถามว่าจะฉีดถึงเมื่อไรก็ต้องฉีดไปจนกว่าคนไทยทุกคนจะปลอดภัยจากโควิด วัคซีนไม่ได้ป้องกันแต่ลดความเสี่ยงจากการติดเขื้อ และอาการป่วยที่รุนแรงและลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วย ในปัจจุบันอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า 0.2 % ของการติดเชื้อในแต่ละวัน แต่พบว่า มากกว่า 90 % ของการเสียชีวิตเกิดจากการมีโรคประจำตัวและไม่ได้รับวัคซีน

 

จึงขอความกรุณาให้มารับวัคซีนกันให้ครบเพื่อควมปลอดภัย ยืนยันว่า เราไม่เคยฉีดวัคซีนตามอำเภอใจ ในกระทรวงสาธารณสุข เรามีแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งท่านเหล่านี้ต้องไฟเขียวก่อนจึงจะนำไปฉีดได้ เราทำทุกอย่างตามมาตรฐานทางการแทพย์ที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป และได้รับการยอมรับ

 

พร้อมยืนยันว่า เราสามารถรองรับกับวิกฤติการณ์ในทุกๆมิติ เรามีทรัพยากรบุคคล และทรัพย์สินในการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วย และป้องกันโรคโดยเตรียมวัคซีนเป็นวัคซีนที่มีมาตรฐานสูงที่นำมาฉีดให้กับประชาชน เมื่อถึงจุดหนึ่งเราก็จะควบคุมได้

 

ประการที่สอง ด้วยความเข้มแข็งของระบบสธ.ที่มีมาช้านาน อาทิ 30 บาทรักษาทุกโรค บัตรทอง ขอยืนยันว่า ไม่มีใครลืมคนที่คิดค้น และผมก็ไม่ลืม นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด เราไม่มีทางด้อยค่าระบบสาธารณสุขที่เป็นประโยชน์กับประชาชน แต่เราจะต่อยอดให้มีประโยชน์มากขึ้น ให้สุขภาวะของประชาชนมีมาตรฐานและค่าใช้จ่ายน้อยมากที่สุด ต้องไม่ล้มละลายจากการรักษาสุขภาพของตนเอง

 

วันนี้มะเร็งรักษาได้ทุกที่ ฟอกไตฟรี เป็นต้น เราต้องพูดถึงโอกาสและการมีคุณสภาพชีวิตที่ดี ทุกคนเสียภาษีให้กับประเทศ สิ่งที่ต้องทำให้เกิดขึ้น คือ ประชากรมีสุขภาพ สุขภาวะที่ดี

 

ประการที่ 3 สาธารณสุขมุ่งมั่นให้คนไทยได้รับบริการสธ.เป็นเลิศไม่แพ้ชาติใดในโลก นี่เป็นหตุผลที่เราให้บริการสธ.อย่างเต็มความสามารถ วันนี้เราสามารถจัดตั้งรพ.สนามได้อย่างเร็วเร็ว อาทิ รพ.บุษราคัมที่รองรับได้หลายพันเตียง สำหรับโควิดสายพันธ์โอไมครอนนั้นติดง่าย แต่อาการไม่รุนแรง เราใช้การเฝ้าระวังแบบเดลต้า จึงไม่น่าจะเกิดวิกฤติใดๆ กับระบบสาธารณสุข

 

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนมารับการฉีดวัคซีนตามวงรอบที่จำเป็น เมื่อรับเข็ม 3 หากต้องไปปฏิบัติงาน ติดต่อกับคนจำนวนมากก็ขอให้มารับเข็ม 4 เมื่อได้รับเข็ม 4 หากตรวจภูมิแล้วลดลงก็ต้องมารับเข็มบูสเตอร์ต่อไป

 

ขอยืนยันว่า วัคซีนที่เตรียมมาให้กับคนไทยเรามีพร้อม และมีมาตรฐานสูง และเหมาะกับการระบาดในประเทศไทย นอกจากนี้เรายังใช้ระบบกักตัวอยู่กับบ้านซึ่งวันนี้คนไทยมากกว่า 80 % ยอมกักตัวอยู่ที่บ้าน หาหมอออนไลน์ มีการสอบถามอาการ จัดยาเวชภัณฑ์ดูแล อาหาร 3 มื้อจัดส่งถึงบ้าน วันนี้ประชาชนเข้าใจและยอมรักษาตัวเองที่บ้านทำให้ไม่ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลซึ่งหากเป็นเช่นนั้นมีเตียงเท่าไรก็คงไม่พอ ยืนยันว่า เราให้ความสำคัญกับชีวิตของประชาชน

 

มีท่านผู้อภิปรายว่า ผมเคยบอกว่า ซิโนแวคจะฉีดให้เด็ก 3 ขวบได้ สุดท้ายทำไมฉีดให้กับเด็ก 6 ขวบ ขอเรียนวา นี่คือ มาตรฐานเมื่ออย.ได้ข้อมูลเอกสารการวิจัยและทดลอง หลังประชุมจนได้ข้อสรุปขอให้ใช้ตั้งแต่ 6 ขวบเป็นต้นไป นี่คือ การใช้มาตรฐานในการกำกับดูแล นี่คือ บทสะท้อนถึงการเข้มแข็งของระบบสาธารณสุขของไทยที่ไม่สามารถบอกว่า จะให้ทำอะไรได้ด้วยคนๆเดียว

 

ขอให้ประชาชนการ์ดอย่าตก ยืนยันว่า สาธารณสุขทำทุกวิถีทางให้พ้นและรับมือกับมันได้และเกิดอันตรายให้น้อยที่สุด เราไม่ใช่ประเทศเดียวที่ติดเชื้อ แต่เราติดเชื้อน้อยกว่าประเทศอื่น รัฐบาลพยายามหาจุดสมดุลที่จะให้เศรษฐกิจเดินไปได้ด้วย ผมขอยืนยันว่า จะทำหน้าที่ต่อไปอย่างสุดความสามารถและให้ความร่วมมือกับนายกฯต่อไปจนกว่าจะถึงเวลาอันสมควร