ศาลสั่งคุก 50 ปี-ชดใช้ 2.5 ล้าน อดีตนายกอบต.ทุ่งมะพร้าวชำเราเด็กหญิง

18 ต.ค. 2564 | 08:00 น.

ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น อดีตนายก อบต.ทุ่งมะพร้าว จ.พังงา ฐานพรากเด็กหญิง 2 รายเพื่อข่มขืนกระทำชำเรา ยกฟ้องความผิดฐานอนาจาร แต่รวมทุกกระทงแล้วยังคงจำคุก 50 ปี ชดใช้ค่าเสียหาย 2.5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย

 

 

นายอธิวัฒน์  เนียมมีศรี  หัวหน้าฝ่ายกฎหมายมูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคลิปฉาว นายศุภศักดิ์ โภคบุตร  อดีตนายกอบต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ก่อเหตุกระทำอนาจารเด็กหญิงอายุ 14ปี ภายในรถยนต์ ช่วงต้นเดือนก.ค.2562  ซึ่งเป็นกรณีที่มูลนิธิฯ ได้เข้าช่วยเหลือด้านคดีความโดยทนายความของมูลนิธิฯเข้าเป็นทนายโจทก์ร่วม ให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน13 ปี และเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15ปี และมารดาของเด็กทั้งสอง

 

นายอธิวัฒน์  กล่าวว่า คดีนี้ในชั้นต้นศาลจังหวัดพังงาได้พิพากษา ไปเมื่อวันที่ 24ธ.ค. 2563  ฐานความผิดพรากเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร กระทำอนาจารแก่เด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบสามปีและอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้, กระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบสามปีและเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปี โดยขู่เข็นด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กหญิงนั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้

 

จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน ระหว่าง ต้นเดือน มิ.ย. 2559ถึงวันที่ 28มิ.ย. 2562เหตุเกิดที่ ต.ทุ่งมะพร้าว และต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ต่อเนื่องและเกี่ยวพันกัน ศาลได้พิจารณาพยานหลักฐาน พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน รวมกระทงความผิด 94 กรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา ลงโทษจำคุกจำเลย 324 ปี 3 เดือน

 

แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงให้ลงโทษจำคุกจำเลย 50ปี รวมทั้งให้ชดใช้ค่าเสียหายทั้ง 2 คน คนละ 1 ล้านบาท และให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายที่ 3 เป็นเงิน 5 แสนบาท รวมเงินที่ต้องชดใช้ 2.5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 21เม.ย. 63) เป็นต้นไปนั้น

                                    ศาลสั่งคุก 50 ปี-ชดใช้ 2.5 ล้าน อดีตนายกอบต.ทุ่งมะพร้าวชำเราเด็กหญิง

ล่าสุดเมื่อวันที่14 ตุลาคม ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดพังงา ได้นัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ 8  โดยพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยแล้ว  พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องความผิดฐานกระทำอนาจารเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี โดยขู่เข็ญโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา279 วรรคสอง(เดิม) ตามคำฟ้องข้อ 1.2 1.4 1.6 1.8 และ1.10 กับให้จำเลยชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี ของต้นเงินแต่ละจำนวนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 21 เม.ย.2563) ถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 ของต้นเงินแต่ละจำนวนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นต้นไป จนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ร่วมทั้งสาม อัตราดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่11เมษายน 2564 นั้น

 

ถ้ากระทรวงการคลังปรับเปลี่ยนอัตราโดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาเมื่อใด ก็ให้ปรับเปลี่ยนไปตามนั้น แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามคำขอ ส่วนโทษและนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยสรุปแม้จะมีการยกฟ้องในบางกระทงความผิดตามฟ้องของโจทก์  แต่โดยรวมยังคงลงโทษจำคุกจำเลย 50 ปี ซึ่งคำพิพากษาวันนี้เป็นเพียงในชั้นศาลอุทธรณ์ ซึ่งจำเลยก็มีสิทธิที่จะต่อสู้ในชั้นฎีกาต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม อยากวิงวอนให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาช่วยเหลือ แจ้งเหตุ หากเกิดกรณีแบบนี้ โดยเฉพาะเมื่อผู้กระทำเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่  ซึ่งมักจะทำให้ครอบครัวผู้เสียหาย ซึ่งเด็กและเยาวชน ไม่กล้าลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม