“ประยุทธ”ยันไม่เคยสนับสนุนจนท.รัฐทำผิดเพื่อให้ได้ที่ดินมาโดยมิชอบ

04 ต.ค. 2564 | 05:46 น.

“ประยุทธ มหากิจศิริ และครอบครัว”ยันไม่เคยมีส่วนร่วมกระทำผิดหรือสนับสนุนจนท.รัฐเพื่อให้ได้ที่ดินมาโดยมิชอบ หลังถูกป.ป.ช.ชี้มูล และไม่เคยใช้อิทธิพลใดเอื้อประโยชน์ให้แก่ธุรกิจ เผยที่สีคิ้วคืนเป็นของรัฐแล้ว และหากที่แปลงใดไม่ถูกต้องยินดีปฏิบัตตามก.ม.ทุกประการ

วันนี้(4 ต.ค.64) นายประยุทธ มหากิจศิริ และครอบครัว ได้ออกแถลงการณ์ ชี้แจงว่า

 

ตามที่ปรากฏข่าวต่อสาธารณชนเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 64 จากการแถลงข่าวของนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยอ้างถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่รัฐฐานทุจริตและประพฤติมิชอบในการออกเอกสารสิทธิ์เกี่ยวกับที่ดินและกล่าวหานายประยุทธ มหากิจศิริ ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐให้กระทำความผิดในการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ ใน 2 กรณี คือ

 

1. กรณีการนำเอกสาร น.ส. 3ก. เลขที่ 263 ตำบลหนองทะเล อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ มารังวัดออกโฉนดและทำให้มีจำนวนเนื้อที่ดินเพิ่มขึ้นโดยมิชอบ

 

2. กรณีการออกเอกสารสิทธิ์เกี่ยวกับที่ดิน น.ส. 3ก. และโฉนดที่ดิน ตำบลลาดบัวขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา มาทำการรังวัดแบ่งแยกและรวมโฉนด ทำให้มีเนื้อที่ดินเพิ่มขึ้น 189 ไร่ จากที่ดินของสนามกอล์ฟเมาน์เท่น ครีก ที่มีเนื้อที่ดินทั้งหมด 2,304 ไร่ ของบริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) ที่มีนายประยุทธ มหากิจศิริเป็นกรรมการบริหาร

โดยทั้งสองกรณีดังกล่าวข้างต้น ได้มีการกล่าวหาข้าพเจ้าฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ และในบางกรณี ยังมีการกล่าวหาพาดพิงมาถึงครอบครัวและกิจการของข้าพเจ้า อันอาจทำให้เกิดความเสียหายและความเข้าใจผิดต่อสาธารณชนว่า ข้าพเจ้าและครอบครัวมีส่วนร่วมกระทำความผิดและดำเนินธุรกิจโดยมิได้เคารพต่อกฎหมาย อันอาจสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของข้าพเจ้าและครอบครัว และสร้างผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสาธารณชน ข้าพเจ้าจึงขอเรียนชี้แจงต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน ดังนี้

 

ข้าพเจ้าและครอบครัว “ตระกูลมหากิจศิริ” เป็นครอบครัวชาวจีนที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทย โดยประกอบธุรกิจทำมาค้าขายสืบต่อกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษจนประสบผลสำเร็จ มีฐานะชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีตราบปัจจุบันก็ด้วยอาศัยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม และได้อาศัยผืนแผ่นดินไทยเป็นที่ทำมาหากิน ด้วยความสำนึกในบุญคุณของประเทศไทย แผ่นดินไทยตลอดมา ในการประกอบธุรกิจใดๆ ข้าพเจ้ายึดถือความสุจริตและเคารพต่อกฎหมายของบ้านเมืองมาโดยตลอด มิเคยมีพฤติกรรมใดๆในการที่จะสนับสนุน ส่งเสริม บุคคลใด หรือเจ้าหน้าที่รัฐผู้ใดให้ละเมิดหรือกระทำผิดกฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตน และไม่เคยใช้อิทธิพลทางการเมืองใดๆ มาเอื้อประโยชน์ให้แก่ธุรกิจของตนโดยมิชอบแต่อย่างใดทั้งสิ้น

กรณีที่ข้าพเจ้าถูกกล่าวหาทั้งสองกรณีดังกล่าวนั้น ข้าพเจ้าและครอบครัวขอยืนยันว่า ข้าพเจ้าไม่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ไม่เคยใช้ หรือสนับสนุนผู้ใด เจ้าหน้าที่รัฐคนใด ให้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา การดำเนินการรังวัดที่ดินทุกแปลงของข้าพเจ้าที่ซื้อมาโดยชอบด้วยกฎหมาย ได้ดำเนินการไปโดยเจ้าหน้าที่รัฐตามอำนาจหน้าที่ เป็นดุลยพินิจและการดำเนินการโดยอิสระของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ใช้ดุลยพินิจในการปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ของตน โดยยึดถือและปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการทุกประการ

 

ข้าพเจ้าในฐานะเอกชนไม่เคยมีพฤติการณ์หรือการกระทำใดๆ ในการไปสนับสนุน หรือใช้ให้เจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับข้าพเจ้าแต่อย่างใด และข้าพเจ้าขอยืนยันว่า ข้าพเจ้าไม่เคยมีเจตนาที่จะยึดถือเอาที่ดินอันเป็นสาธารณประโยชน์ หรือที่ดินของรัฐ ในลักษณะเป็นป่าสงวนก็ดี หรือเขตป่าหวงห้ามใดๆ หรือ เป็นที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน หรือที่ที่มีการครอบครองโดยมิชอบมาเป็นของตนแต่อย่างใดทั้งสิ้น

 

การรังวัดสอบเขต แบ่งแยก และรวมโฉนด หรือการออกเอกสารสิทธิใดๆ ให้แก่บริษัทฯ หรือข้าพเจ้า เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐแต่เพียงฝ่ายเดียว ข้าพเจ้าไม่มีอำนาจในการบังคับ สั่งการ ใช้ หรือสนับสนุนหรือกระทำการใดๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดกฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตนของข้าพเจ้าหรือบริษัทฯแต่อย่างใดทั้งสิ้น

 

และหากปรากฏว่า กรมที่ดินมีคำสั่งให้เพิกถอนการรังวัดที่ดินแปลงใด ว่ามีความคลาดเคลื่อนหรือไม่ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายแล้ว เห็นว่า ต้องมีการแก้ไขและเรียกคืนที่ดินส่วนที่ผิดพลาด หรือมีการรังวัดที่ทำให้บริษัทที่ข้าพเจ้าเป็นกรรมการบริหารได้เนื้อที่ดินเพิ่มขึ้น ข้าพเจ้าและบริษัทที่เกี่ยวข้องก็ยินดีและได้ดำเนินการแก้ไขเพื่อคืนเนื้อที่ให้แก่หน่วยงานรัฐตามที่อธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งให้แก้ไขไปทุกๆ แปลง โดยไม่เคยขัดข้อง

 

อันเป็นการแสดงให้เห็นเจตนาโดยสุจริตของข้าพเจ้าและบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกรณีที่ถูกกล่าวหา ซึ่งกรณีที่ดินที่อำเภอสีคิ้ว บริษัทฯ ก็ได้มีการคืนที่ดินตามที่อธิบดีกรมที่ดินแจ้งว่า มีบางส่วนไม่ถูกต้องอันเกิดจากความผิดพลาดในการรังวัดของเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินนั้น กลับคืนเป็นที่ดินของรัฐแล้วจนหมดสิ้น

 

ส่วนที่ดินที่จังหวัดกระบี่ ข้าพเจ้าได้ซื้อมาโดยชอบด้วยกฎหมายจาก อดีตข้าราชการอัยการท่านหนึ่ง โดยเป็นที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์เป็น น.ส. 3 ก. แล้ว และต่อมาได้มีการรังวัดขอออกเป็นโฉนดที่ดิน ซึ่งก็เป็นการยื่นคำร้องขอออกโฉนดตามระเบียบและกฎหมายที่ดิน โดยมีการรังวัดออกโฉนดถูกต้อง

 

ข้าพเจ้ามิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐแต่อย่างใดทั้งสิ้น ที่ดินแปลงดังกล่าวที่ซื้อมาตั้งแต่ พ.ศ. 2544 จนถึงปัจจุบัน ข้าพเจ้ามิได้นำที่ดินมาพัฒนาหรือใช้ประโยชน์ในทางธุรกิจแต่อย่างใด ยังคงเป็นที่ดินว่างเปล่า โดยให้คนเฝ้าดูแลรักษาที่ดินไว้เท่านั้น หากอธิบดีกรมที่ดินเห็นว่า ไม่ถูกต้อง ข้าพเจ้าก็ยินดีเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการ

 

ข้าพเจ้าขอยืนยันอีกครั้งว่า ข้าพเจ้าและครอบครัว รวมถึงกลุ่มบริษัทธุรกิจที่มีข้าพเจ้าเป็นผู้บริหาร เคารพต่อกฎหมายและดุลยพินิจในการดำเนินการตามหน้าที่ของ ป.ป.ช. ในการดำเนินการสอบสวนและกล่าวหาข้าพเจ้าและข้าพเจ้ายินดีที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความสุจริตของตนตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อยืนยันว่า ข้าพเจ้ามิได้กระทำความผิดหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด

 

จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน และขอขอบคุณทุกท่านที่เข้าใจและให้กำลังใจแก่ข้าพเจ้าและครอบครัวด้วยดีเสมอมา