ปชป.มอบ ชินวรณ์ คุมโหวตวาระ 3 แก้ รธน.เลือกตั้งบัตร 2 ใบ

07 ก.ย. 2564 | 04:05 น.

ราเมศ เผย ขั้นตอนลงมติวาระ 3 แก้ รธน. บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ปชป. มอบชินวรณ์ ติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วน ส.ว.จะโหวตเห็นชอบหรือไม่เป็นสิทธิของแต่ละคน

วันที่ 7 ก.ย. 2564 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้ประกาศชัดตั้งแต่เริ่มต้นในเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น จุดเริ่มต้นในการแก้ไขเรื่องระบบเลือกตั้งเพื่อให้สิทธิและเสรีภาพกับประชาชนเพิ่มมากขึ้นในการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ให้สามารถเลือกได้ทั้งคน ทั้งพรรค โดยผ่านบัตรเลือกตั้งสองใบ

 

ทั้งนี้ ในส่วนของพรรคมี นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.ศรีธรรมราช ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 83 และมาตรา 91 ได้ติดตามและแสวงหาความเห็นพ้องต้องกันอย่างใกล้ชิด โดยเชื่อว่าในวาระ 3 สมาชิกรัฐสภาจะให้ความเห็นชอบ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ให้ต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วย ในการที่จะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องมีเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ทั้ง ส.ส.และ ส.ว. ในจำนวนมากกว่ากึ่งหนึ่งนั้นต้องมี ส.ส.ในส่วนของฝ่ายค้านเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุกพรรคฝ่ายค้านรวมกัน และต้องมี ส.ว.เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม คือ จำนวน 84 คน

"หลักการในวาระ 3 คือ ต้องมีเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่ง ในจำนวนนั้นต้องมีร้อยละ 20 ของฝ่ายค้านและมี ส.ว. 84 คน ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจึงจะผ่านจากรัฐสภาได้ ขณะนี้มี ส.ส.ที่ยังปฏิบัติหน้าที่มีจำนวน 482 คน และ ส.ว. มีจำนวน 250 คน" นายราเมศ กล่าว

ปชป.มอบ ชินวรณ์ คุมโหวตวาระ 3 แก้ รธน.เลือกตั้งบัตร 2 ใบ

อย่างไรก็ตาม หากมองเสียงของ ส.ว.ทั้งในวาระ 1 ที่มีมติรับหลักการ ถึง 210 คน และ วาระ 2 มีคะแนนเสียงของ ส.ว.เป็นจำนวนมากเกินกว่า 84 คน ให้ความเห็นชอบทั้งสองวาระ ในวาระ 3 ที่จะลงมติจึงคาดว่าไม่มีปัญหาใด เพราะ ส.ว.ให้ความเห็นชอบแต่ละมาตราในวาระสองที่แก้ไขมาแล้ว แต่ท้ายสุดก็เป็นสิทธิของสมาชิกรัฐสภา ว่าจะลงมติไปในทิศทางใด และก็เป็นสิทธิของสมาชิกอีกเช่นกันที่จะเข้าชื่อกันจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของ ส.ส.หรือ ส.ว. หรือ 1 ใน 10 ของทั้ง ส.ส.และ ส.ว.รวมกัน เพื่อยื่นต่อประธานสภา ให้ส่งร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยความชอบได้ หากมีการยื่นก็กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน

"เจตนารมณ์ของพรรคชัดเจนตั้งแต่ต้น เป็นร่างของพรรคที่ผ่านความเห็นชอบมาแล้ว 2 วาระ ถือว่าเป็นการนำร่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ให้ประชาชนมีทางเลือก มีสิทธิและเสรีภาพมากขึ้น ในการตัดสินใจเลือกผู้สมัคร ส.ส.เขตกับตัดสินใจเลือกพรรค แยกออกจากกันได้ ท้ายที่สุดผลการลงมติออกมาเป็นเช่นไร ก็ต้องเคารพในการตัดสินใจซึ่งกันและกัน ส.ส.แต่ละพรรคการเมือง และวุฒิสมาชิก ก็มีสิทธิที่จะใช้ดุลยพินิจ" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุ