"ประธานป.ป.ช."ชี้ "สถานการณ์ทุจริต"ไม่ลดราวาศอกแม้ช่วงโควิด

20 ส.ค. 2564 | 07:34 น.

ประธานป.ป.ช.ชี้สถานการณ์ทุจริตไม่ลดราวาศอกแม้ช่วงโควิด ยังพบร้องเรียนกว่า 15,283 เรื่อง เดินหน้าป้องปรามเชิงรุก มั่นใจกลไกการศึกษา-ศาสนา ปลูกฝังวิธีคิด จิตสำนึกต้านทุจริต สร้างครอบครัว สังคม ชุมชนเข้มแข็ง ทำกับดักคอร์รัปชันสิ้นฤทธิ์ 

วันนี้ (20 ส.ค.64) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) จัดสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับชาติ เรื่อง “ถอดกับดักคอร์รัปชัน : The  Big Push in Corruption Trap”  โดยมี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นประธาน 
พล.ต.อ.วัชรพล ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “กับดักคอร์รัปชันในอนาคต : การถอดกับดักที่ทรงพลัง” ระบุว่า ยุทธศาสตร์ชาติป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 สิ้นสุดลง ปี 2564 จึงต้องสรุปผลการดำเนินการ เพื่อวิเคราะห์แสวงหาแนวทางในการป้องกันการทุจริตทุกระดับ   

 

ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบัน  ทำให้ประชาชนมีความทุกข์ยาก วิถีชีวิตต้องปรับเปลี่ยนเพื่อความอยู่รอดและเตรียมพร้อมกับอนาคตใหม่เมื่อผ่านพ้นความทุกข์ยากนี้ แต่ภายใต้ความทุกข์นี้ยังมีปัจจัยที่ไปเพิ่มความทุกข์ยากให้ยิ่งขึ้นไปอีก คือ การทุจริตคอร์รัปชันที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน 

 

ดูได้จากข้อมูลสถิติเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงาน ป.ป.ช. ระหว่างปี 2560-2564 พบว่าปี 2560 มีเรื่องกล่าวหาเข้ามา 4,896 เรื่อง ปี 2561 มีเรื่องกล่าวหาเข้ามา 4,622 เรื่อง 

                          \"ประธานป.ป.ช.\"ชี้ \"สถานการณ์ทุจริต\"ไม่ลดราวาศอกแม้ช่วงโควิด

โดยในปี 2562 จนถึงปัจจุบัน พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 กำหนดให้ ป.ป.ช.รับเรื่องร้องเรียนกล่าวหาทุจริตของเจ้าหน้าที่ทุกระดับ ทำให้ในปี 2562 มีเรื่องกล่าวหาเข้ามา 10,382 เรื่อง ป.ป.ช.รับดำเนินการเอง 3,285 เรื่อง มูลค่าความเสียหาย 2.3 แสนล้านบาท

 

ปี 2563 มีเรื่องกล่าวหาเข้ามา  9,130 เรื่อง ป.ป.ช.รับดำเนินการเอง 2,951 เรื่อง มูลค่าความเสียหาย 9 หมื่นล้านบาท  

 

และในปี 2564 ข้อมูลจนถึงวันที่ 26 ก.ค.64 มีเรื่องกล่าวหาเข้ามา   6,153 เรื่อง ป.ป.ช.รับดำเนินการเอง 1,963 เรื่อง  

 

จะเห็นว่าแม้ในภาวะวิกฤติโควิด-19 เกิดขึ้น ปี 2563-2564  ยังมีคำกล่าวหาเข้ามา 15,283 กรณี แสดงว่าการทุจริตไม่มีการลดราวาศอก หรืออ่อนข้อให้กับสถานการณ์ใดๆ

 

เชื่อว่าการป้องกันและปราบปรามการทุจริต นอกจากระบบของประเทศที่ต้องมีคุณภาพ ประสิทธิภาพ สร้างความโปร่งใสแล้ว เรายังต้องเข้าใจและส่งเสริมนิเวศวิทยาของมุนษย์ ซึ่งเป็นพื้นฐานความสัมพันธ์ของมุนษย์กับสิ่งแวดล้อมให้มีความแข็งแกร่ง นิเวศวิทยาของมนุษย์เริ่มจากปัจเจกบุคคล ขยายวงเป็นครอบครัว และใหญ่ขึ้นเป็นชุมชน สังคม ชาติ และโลก

 

ณ เวลานี้ และอนาคต ปัจเจกบุคคล ครอบครัว ชุมชน ยังคงความสำคัญของนิเวศวิทยาของมนุษย์ ที่เราทุกคนหวังให้มีความเข้มแข็งและทรงพลัง เพื่อถอดกับดักคอร์รัปชั่นให้หมดสภาพ ซึ่งกับดักคอร์รัปชัน คือ จิตใจ ความรู้สึกนึกคิดที่อ่อนแอ ถูกครอบงำโดยง่ายด้วยกิเลส ความโลภ ขาดอุดมการณ์และแรงจูงใจในการประพฤติดี  มีค่านิยมที่ผิดยกย่องคนมีเงินโดยไม่สนใจปัจจัยอื่นๆ  ยอมตนอยู่ใต้อิทธิพลของผู้ทุจริต และมีค่านิยมว่าการทุจริตเป็นวิถีชีวิตปกติธรรมดา  เห็นคนฉวยโอกาส เอาเปรียบคนอื่นเป็นคนฉลาด 

                \"ประธานป.ป.ช.\"ชี้ \"สถานการณ์ทุจริต\"ไม่ลดราวาศอกแม้ช่วงโควิด

ดังนั้น การถอดกับดักคอร์รัปชันที่ทรงพลัง คือ การพัฒนาจิตใจของบุคคล ครอบครัว ชุมชนให้เข้มแข็ง โดย ป.ป.ช.ได้ดำเนินการทั้งการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเชิงรุก ทั้งมาตรการและข้อเสนอแนะป้องกันการทุจริต ต่อ ครม. และหน่วยงานต่างๆ การประเมินความโปร่งใสหน่วยงานภาครัฐ  

 

โดยในปี 2564 มีหน่วยงานภาครัฐเข้าประเมิน 8,300 แห่ง ผลการประเมินได้คะแนนเฉลี่ย 81.25  ส่วนหน่วยงานที่ผ่านเกณฑ์ 85 คะแนนขึ้นไปมีจำนวน 4,146 แห่ง  หรือคิดเป็นร้อยละ 49.95 

 

ทั้งนี้จากปี 2561-2564 การประเมินมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แสดงว่าการให้บริหารหน่วยงานภาครัฐได้รับการยอมรับจากประชาชนมากขึ้น    


ในปี 2565  จะมีการประเมินรายละเอียดไปถึงระดับอำเภอเพิ่มเติม 878 แห่ง  และสถานีตำรวจนครบาล 88 หน่วย ทั้งนี้ยังมีมาตรการป้องกันเชิงรุก  คือการปักหมุดพื้นที่เสี่ยงต่อการทุจริต และยังมีกลไกป้องกันและป้องปรามการทุจริตในระดับชุมชนและสังคม 

 

โดยมีการจัดตั้งชมรม strong - จิตพอเพียงต้านทุจริต ในทุกจังหวัด   มีสมาชิก 63,552 คน นำมาสู่การป้องกันทุจริตเชิงรุก ร่วมป้องปรามการทุจริตในชุมนุม  โดยผลลัพธ์การดำเนินการของชมรม strong-  จิตพอเพียงต้านทุจริต  เช่น  เสาไฟปะติมากรรมกินรี อบต. ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ  เป็นต้น 

 

มาตรการเหล่านี้เป็นการเสริมความเข้มแข็งในการถอดกับดักคอร์รัปชันในระดับชุมชน สังคม  ส่วนระดับบุคคล ต้องใช้การสร้างเสริม จิตใจที่แข็งแกร่งด้วยกลไกทางการศึกษา และศาสนา  ซึ่งมีการสร้างหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาตั้งแต่ปี 61 เป็นเครื่องมือในการปรับวิธีคิดให้คนไทยคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนรวม และผลประโยชน์ส่วนตน ละลายและไม่ทนต่อการทุจริต  จิตพอเพียงต้านทุจริต  พลเมืองและรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งปัจจุบันเป็นรายวิชาการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีการฝึกอบรมในหน่วยงานทหารและตำรวจ   

 

“เชื่อว่ากลไกในการป้องกันและป้องปรามการทุจริตในทุกภาคส่วน รวมทั้งกลไกการศึกษาและศาสนา ในการปลูกฝังวิธีคิด และจิตสำนึกต้านทุจริต จะสร้างความเข้มแข็งของสังคม ชุมชน และครอบครัวได้ และความเข้มแข็งนี้จะทำให้กับดักคอร์รัปชันไม่มีอิทธิพลอิทธิฤทธิ์อีกต่อไป และปรากฏแค่ในตำนานเท่านั้น” ประธาน ป.ป.ช.ระบุ