“ไทยสร้างไทย”ประกาศปลดปล่อยประชาชนจากแนวคิด“อำนาจนิยม”

04 ก.ค. 2564 | 10:32 น.

พรรคไทยสร้างไทย ประกาศเดินหน้าสร้างประเทศไทยหลังผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 พร้อมผลักดันนโยบาย เน้นการสร้างโอกาส ให้อิสระเพื่อปลดปล่อยประชาชนจากแนวคิดอำนาจนิยม ที่เดือดร้อนจากวิกฤติเศรษฐกิจ 

วันนี้(4 ก.ค.63) พรรคไทยสร้างไทย ได้จัดการประชุมผู้บริหารพรรค ตัวแทนสาขา ตัวแทนสมาชิกประจำเขต และสมาชิกพรรคทั่วประเทศ กว่า 300 เขต ผ่านระบบ ZOOM นำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารพรรค และสมาชิกเลือดใหม่ ดร.ธรรม์ธีร์ สุกโชติรัตน์  ดร.สุวดี พันธุ์พานิช และ น.ส.ธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ 

 

ดร.โภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ ปาฐกถา วิสัยทัศน์การสร้างประเทศไทย ยุคหลังโควิด (ประยุทธ์) ว่า วันนี้ประเทศไทยมาถึงจุดตกต่ำสุด แต่อย่าเพิ่งท้อแท้สิ้นหวัง เพราะจุดตกต่ำนี้ คือพลังที่เราจะต้องเดินหน้าต่อไป ในการที่จะเดินหน้าสร้างประเทศ ในวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อส่งมอบให้กับลูกหลานของเรา  

 

ทั้งนี้ ในเดือนมิถุนายน ปี 2565 ที่จะถึงนี้ จะครบ 90 ปี นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี 2475 แต่ประเทศไทยยังคงวนเวียนกับวงจรอุบาศว์ โดยเฉพาะแนวคิดแบบ “อำนาจนิยม”  โดยมีกลไกระบบรัฐราชการเป็นกลไก และเครื่องมือในการดำรงไว้ ซึ่งแนวคิดอำนาจนิยมดังกล่าว 

 

ดังนั้น ถ้าไม่ร่วมกันกำจัดความคิดแบบ “อำนาจนิยม” ประเทศของเราก็จะยิ่งตกต่ำจนถึงจุดที่ยากที่จะแก้ไขต่อไป สิ่งสำคัญต้องร่วมกันผลักดันให้มีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่แท้จริงขึ้น 

 

ขณะเดียวกันพรรคไทยสร้างไทย มีแนวคิดที่จะแก้ปัญหา เพื่อเปิดทางให้กับประชาชนในการทำกิน เพื่อตัดปัญหาที่จะต้องจ่ายใต้โต๊ะ การกู้เงินที่ล่าช้า เป็นต้น โดยเสนอออกให้ออกกฎหมาย 1 ฉบับ เพื่อแขวนการขออนุญาตในการประกอบอาชีพเป็นระยะเวลา 3 ปี หรือ SandBox  คือกล่องที่เราทุกคนที่เกี่ยวข้อง 

 

ประกอบด้วย ผู้ออกกฎหมาย ฝ่ายรัฐ , ผู้ประกอบการ และผู้รับบริการ มาพูดคุยกันเพื่อหาทางออกที่เหมาะสม ถ้าหากทำแบบนี้ได้ ก็จะไม่ติดกับดัก ในการขออนุมัติที่ต้องมีขั้นตอนมากมาย ก็จะทำให้ธุรกิจเดินหน้าไปได้ ซึ่งเราเรียกว่าการปลดปล่อยผู้คนออกจากพันธนาการของระบบราชการ ให้คนตัวเล็กสามารถทำงานได้ 

 

วันนี้ผู้ประกอบการ SME กว่า 3 ล้าน 2 แสนคน อยู่ในระบบธนาคารไม่เกิน 15% เพราะธนาคารไม่ปล่อยกู้ เราจึงต้องผลักดันคนกลุ่มนี้ให้เข้ามาในระบบให้ได้ โดยตั้งกองทุน SME กองทุน StartUp กองทุนวิสาหกิจชุมชน และกองทุนท่องเที่ยว เพื่อนำงบประมาณ ที่นำไปใช้ไม่ถูกต้อง มาใส่ไว้ในกองทุนเหล่านี้ 

 

อาจจะกองทุนละ 50,000 ล้านบาท และนำเงินซอฟต์โลนแบงค์ชาติ หรือมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ยังเหลือกว่า 4 แสนล้านบาท ออกมาปล่อยให้กองทุนละ 1 แสนล้านบาท เพื่อให้ Empower เอ็มเพาเวอร์ มอบอำนาจให้กับคนตัวเล็ก ได้สามารถเข้าถึงเงินทุนเหล่านี้ได้  

 

ให้คนในอาชีพเดียวกันรวมกันเป็น Economy Of Scale ดูแลกันและกันให้มีการต่อรองได้ สามารถบอกความต้องการไปถึงรัฐบาลได้ แทนที่ฟังแต่เสียงของสภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคาร สภาหอการค้า แต่คนตัวเล็กไม่มีโอกาส จึงต้องทำให้คนเหล่านี้เข้ามีส่วนในการอนุมัติ ถ้าเราสามารถทำได้ ก็จะทำให้กฎหมายมารับใช้เรา แทนการรับใช้อำนาจให้มากดขี่เราเหมือนที่เป็นอยู่ นี่คือสิ่งที่เราต้องปรับแก้”

 

เรามียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และยุทธศาสตร์อื่นๆ อีกมากมาย รวมทั้งแผนปฏิรูปประเทศ จนกระทั่งไม่รู้จะทำอย่างไรก่อน ดังนั้น พรรคไทยสร้างไทยจึงมาคิดว่า วันนี้ทิศทางประเทศไทย ไม่ว่าจะไปทางไหน เราต้องดูศักยภาพของเรา มีความเข้มแข็งตรงไหน ซึ่งไทยมีศักยภาพทางด้านอาหาร สุขภาพอนามัย และการท่องเที่ยว 

 

“เราต้องเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของโลก เพราะไทยมีภูมิประเทศจะเป็นจุดเชื่อมต่อเส้นทางคมนาคม ระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิค และมหาสมุทรอินเดีย จุดนี้พรรคเห็นด้วยกับ “คลองไทย” เพื่อที่จะสร้างระบบให้คนอยากมาหาเรา แทนที่เราจะเรียกร้องให้เข้ามา เพราะที่นี่มีแต่โอกาส มีคนเก่งที่อยากจะเข้ามาร่วมกันสร้าง เราจึงต้องถือโอกาสนี้สร้างขึ้นมา เพื่อที่เราจะต้องเดินหน้าต่อไป โดยให้แต่ละด้านเสริมไปด้วยกัน ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อให้เป็นประเทศที่ดีที่สุด เพื่อลูกหลายของเรา” ดร.โภคิน ระบุ

                        “ไทยสร้างไทย”ประกาศปลดปล่อยประชาชนจากแนวคิด“อำนาจนิยม”

นายวัฒนา เมืองสุข ประธานคณะกรรมการกฎหมาย และการเมือง พรรคไทยสร้างไทย ปาฐกถากล่าวถึงการสร้างรายได้ใหม่ของประเทศไทย ว่า ที่ผ่านมาไทยมีความพร้อมและโอกาส แต่ที่ยังประสบปัญหา เพราะมีการบริหารที่ผิดพลาดและไม่มีนโยบายเศรษฐกิจที่เหมาะสม ที่สำคัญปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ได้เกิดจากโควิด แต่พบว่ามีสัญญาณการถดถอยตั้งแต่มีการยึดอำนาจ ขาดกำลังซื้อและไม่มีการลงทุน ส่งผลให้การจัดเก็บภาษีได้ต่ำกว่าประมาณการถึงเกือบ 4๐๐,๐๐๐ ล้านบาท

 

ขณะเดียวกันรายจ่ายภาครัฐเพิ่มมากกว่ารายรับ จึงต้องกู้เงินมาใช้จ่าย และชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ทำให้หนี้สาธารณะต่อจีดีพีสูงถึง 14,128  ล้านล้านบาท หรือ 90% ของจีดีพี จากการการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาล ที่ไม่มีความรู้ทางเศรษฐกิจมาเป็นหัวหน้าคณะผู้บริหาร เลือกทีมเศรษฐกิจที่ไม่มีนโยบาย มีแต่การสร้างกิจกรรม เช่น การแจกเงิน หรือการทำโครงการประชารัฐต่างๆ เป็นต้น จึงไม่ก่อให้เกิดการผลิตที่ยั่งยืนอย่างมีประสิทธิภาพ 

 

การแก้ไขปัญหาเพื่อนำพาประเทศออกจากวิกฤตเศรษฐกิจจำเป็นต้องอาศัย 2 ปัจจัยสำคัญ คือ

 

1.ต้องได้นักบริหารที่มีความรู้ความสามารถ 

 

2.ต้องมีนโยบายเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับความต้องการของโลก 

 

โดยพรรคไทยสร้างไทยได้ออกนโยบาย เน้นการสร้างโอกาสและให้อิสระหรือปลดปล่อยประชาชน เพื่อให้ใช้ศักยภาพของตนอย่างเต็มที่ในการทำมาหากิน ประกอบ 

 

(1) เปลี่ยนประเทศจากรัฐราชการเป็นรัฐประชาชน  

 

(2) ลดรายจ่ายที่เกินความจำเป็นและไม่ก่อให้เกิดเงินได้ที่เป็นภาระแก่งบประมาณ  

 

(3) สร้างฐานรายได้ใหม่บนศักยภาพและบริบทของประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมใหม่ที่จะเกิดขึ้นหลังโควิดและไทยมีความได้เปรียบ เช่น อุตสาหกรรมอาหารปลอดภัย อุตสาหกรรมสุขภาพ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ 

 

4) สร้างโครงการระดับโลก (World Project) ดึงดูดการลงทุน เม็ดเงิน รวมทั้งการนำคนเก่งทั้งโลกมาช่วยกันสร้างประเทศไทยและทำให้ไทยเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ทางการค้าของโลก 

 

5) สนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) ให้มีความเข้มแข็งและมีขีดสามารถแข่งขัน (6) ผลักดันโครงการดูแลประชาชนทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป 
                      

ขณะที่ น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการอำนวยการและพัฒนาพรรค ปาฐกถาในหัวข้อ สร้างไทยโดยไทยทุกคน ว่า หลังจากที่โดนตัดสิทธิ์ทางการเมือง ในฐานะกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย จากการปฏิวัติรัฐประหาร ในปี 2549 ทำให้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี และต้องห่างหายจากการเมืองไปเป็นระยะเวลา 15 ปี เพราะเบื่อหน่ายการเมือง ที่มีแต่ความวุ่นวาย สาดโคลนป้ายสี 

 

จนกระทั่งได้มีโอกาสมาฟัง เจตนารมณ์ของคุณหญิงสุดารัตน์ ที่อยากทำพรรคการเมือง เพื่อหวังที่จะสร้างสังคมดีๆ สร้างประเทศชาติดีๆ ให้โอกาสกับคนตัวเล็กในสังคม โดยเชิญชวนคนทุกกลุ่มมาร่วมกัน สร้างประเทศไทยให้แข็งแกร่ง ตนจึงได้คิดว่าถ้าเราซึ่งเป็นพลเมืองไทย ไม่ยอมเสียสละมาช่วยกันสร้างสิ่งดีๆให้กับประเทศไทย แล้วใครจะทำ จึงได้ตัดสินใจกลับมาทำงานการเมืองอีกครั้ง

 

ประเทศไทยของเรา เมื่อก่อน นักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่เข้าสู่การเมืองอย่างถูกวิธี ทำในสิ่งที่ถูกต้องกลับถูกกล่าวหา แต่หลังรัฐประหารครั้งล่าสุด นักการเมืองฝ่าย รัฐบาล ที่เข้าสู่อำนาจด้วยกติกาบิดบิดๆเบี้ยวๆ ทำอะไรที่ผิด กลับกลายเป็นถูกได้ 

 

“เรามาถึงยุคที่ ผู้นำประเทศไม่จำเป็นต้องยึดโยงกับประชาชน เพราะใช้กลไกในรัฐธรรมนูญ ตั้งคนของตัวเองเพื่อเลือกตัวเองเป็นนายกได้ ขณะเดียวกันเรามาถึงยุคที่พรรคการเมืองฝ่ายค้าน อภิปรายความไม่โปร่งใสในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ผู้บริหารประเทศพูดแค่ 3-4คำ ก็สามารถที่จะชนะโหวต ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปได้อย่างสบายๆ”

 

นอกจากนี้ เรามาถึงยุคที่มีเงินก็ซื้อวัคซีนดีๆไม่ได้ ทั้งๆที่วัคซีนดีๆ มีตั้งแต่ราคาแค่โดสละไม่กี่ร้อยบาท แต่พี่น้องประชาชนกลับต้องมาเอาชีวิตทั้งชีวิตเป็นเดิมพัน หาวัคซีนฉีดไม่ได้ ได้คิวฉีดก็เลื่อนแล้วเลื่อนอีก งานก็ต้องออกไปทำ ต้องออกไปพบปะผู้คน โดยถ้าพลาดพลั้งไปติดเชื้อโควิดขึ้นมา อาจถึงขั้นต้องสูญเสียชีวิตได้” 

 

ด้วยเหตุนี้ ตนจึงอยากจะเชิญชวนพี่น้องทุกท่าน มาร่วมกับพรรคไทยสร้างไทย มาช่วยกันส่งมอบประเทศไทยที่ดีๆให้กับลูกหลานของเรา และร่วมกันทำงานการเมืองที่โปร่งใสให้กับประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเรา