วันที่ 16 ตุลาคม 2563 เกาะติดการชุมนุม "ม็อบ 14 ตุลา " -ม็อบคณะราษฏร" หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระชับพื้นที่เพื่อสลายการชุมนุมบริเวณแยกปทุมวัน ด้วยการฉีดน้ำสีฟ้า ส่งผลให้กลุ่มผู้ชุมนุมมีอาการแสบตา และคล้ายกับอาการโดนแก๊สน้ำตา อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนยันว่า น้ำสีฟ้าที่ฉีด ไม่ใช่แก๊สน้ำตา แต่เป็นสารที่ใช้ควบคุมฝูงชน
ทั้งนี้ ทางสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ได้บอกถึงขั้นตอนการปฐมพยาบาลหลังถูกแก๊สน้ำตา หรือ สารเคมี ว่า สิ่งแรกที่ต้องทำคือออกไปอยู่ในพื้นที่ๆ ไม่มีควันแก๊สน้ำตา หลังจากนั้นรีบล้างด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือในปริมาณมากๆ ทันที โดยใช้วิธีปล่อยให้น้ำไหลผ่านดวงตาเบาๆ สักระยะ ทั้งนี้ไม่ควรล้างน้ำแรงไปเพราะจะทำให้ดวงตาอักเสบหรือกระจกตาเสียหาย หลังจากนั้นให้ล้างใบหน้า มือ ขา แขน ด้วยสบู่ หรือน้ำเปล่า และควรรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
สำหรับผลกระทบจากการได้รับแก๊สน้ำตา นอกจากระคายเคืองต่ออวัยวะต่างๆ หากเข้าตาอาจทำให้ตามองไม่เห็น หรือตาบอดชั่วคราวได้ นอกจากนี้อาจทำให้หายใจไม่ออก โดยแก๊สน้ำตาจะออกฤทธิ์ทันทีที่ร่างกายสัมผัสถูก และฤทธิ์จะคงอยู่นานประมาณ 10-30 นาที แต่อาจมีอาการอยู่นานได้ถึง 24 ชั่วโมงขึ้นไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไขข้อข้องใจ "น้ำสีฟ้า" ฉีดสกัดผู้ชุมนุม
ยึดคืนแยกปทุมวัน ม็อบคณะราษฎรประกาศสลายชุมนุม นัดใหม่พรุ่งนี้
กทม.เปิด 5 จุดปฐมพยาบาล ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากการชุมนุม
ทั้งนี้แก๊สน้ำตาจะไม่มีอันตรายมาก แต่อาจเป็นอันตรายกับผู้ป่วยโรคหอบหืดหรือถุงลมโป่งพอง ผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงสถานที่ๆ มีการใช้แก๊สน้ำตาเนื่องจากเคยมีรายการการเสียชีวิตจากการใช้แก๊สน้ำตา เพราะปอดบวมน้ำ เลือดออกในปอด ปอดอักเสบ หรือการขาดอากาศหายใจ