ท่ามกลางกระแสข่าวการปรับเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจรัฐบาล ที่มี “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี เป็นแกนหลัก กับ 4 กุมาร ประกอบด้วย อุตตม สาวนายน รมว.คลัง สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว. พลังงาน สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม และ กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง
หลังแกนนำกลุ่มสามมิตร ผนึกกำลังกับ “กลุ่มวิรัช รัตนเศรษฐ” ประธานวิปรัฐบาล และ “สุชาติ ชมกลิ่น” ประธานส.ส.พรรค เปิดเกมวัดกำลังภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปลี่ยนกรรมการบริหาร เพื่อดัน “บิ๊กป้อม” พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี คุมบังเหียนแทน” “อุตตม”
“เปิดตัวกลุ่มแคร์”
ขณะที่พรรคแกนนำรัฐบาลตกอยู่ในภาวะที่ไม่ต่างจากแก้วที่มีรอยร้าว อีกด้านหนึ่ง มีการรวมตัวของกลุ่มการเมืองซีกฝ่ายค้าน ภายใต้ชื่อ “กลุ่มแคร์” เป็นการรวมตัวของอดีต 4 ขุนพลข้างกาย “ทักษิณ ชินวัตร” ประกอบด้วย ภูมิธรรม เวชยชัย, พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ได้เปิดตัวกลุ่มการเมืองใหม่ อย่างเป็นทางการวันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมา
“ภูมิธรรม” ยอมรับว่า รูปแบบการดำเนินการของกลุ่มนี้มีการหารือกันเป็นระยะๆ แต่ยังไม่ตกผลึก หากตั้งพรรคการเมืองคงเป็นลักษณะที่นำพรรคที่มีอยู่แล้วมาปรับปรุง เพราะจะง่าย กว่าจัดตั้งพรรคใหม่ เป็นพรรคที่มีส่วนผสมของคนรุ่นใหม่และคนที่มีประสบการณ์เข้ามาทำงาน
“เบื้องต้นในการหารือเมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา มีคนจากแวดวงต่างๆ มารวมกันถึง 35 คน แต่ละคนบอกจะชวนเพื่อนๆ เข้าร่วม พวกผมอายุมากกันแล้ว ถ้าทำอะไรดีๆ ให้เกิดขึ้นได้ก็อยากลงมือทำ เป็นภารกิจส่วนตัวไม่ได้ขัดแย้งอะไรกับพรรค ตอนนี้เป็นเพียงสมาชิกพรรค ไม่มีตำแหน่งบริหาร ถ้าวันหนึ่งมีปัญหาขึ้นมาค่อยตัดสินใจอีกครั้ง พวกผม 4 คน จะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน เพื่อให้การพูดคุยนี้เป็นพื้นที่แสดงความคิดของกลุ่มคนหลากหลาย”
ส่วนคุณสมบัติของหัว หน้าพรรคและเลขาธิการพรรค เบื้องต้นจะต้องประสานได้กับทุกฝ่าย และถ้าเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจได้จะยิ่งดี และถ้ามีการตั้งพรรคจริงคงเป็นลักษณะที่ นำพรรคที่มีอยู่แล้วมาปรับปรุงเพราะจะง่ายกว่าจัดตั้งพรรคใหม่
อดีตเลขาธิการพรรค เพื่อไทย ย้อนความหลังว่า นายพงษ์ศักดิ์ นพ.พรหมินทร์ และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี กับตน เป็นเพื่อนสนิทกันมานาน เคยร่วมคิดและทำอะไรกันมาตั้งแต่ตอนเป็นหนุ่มๆ ครั้งนี้อยากช่วยกันหาทางออกให้ประเทศ จึงรวมกลุ่มกับภาคส่วนต่างๆ จึงเป็นที่มาของกลุ่มแคร์ ดังกล่าว
คำสั่ง“นายใหญ่”
เบื้องลึกของการรวมตัวของ “กลุ่มแคร์” วงในพรรค เพื่อไทยรู้กันดีว่า เกิดจากปัญหาการบริหารจัดการในพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย รวมถึงปัญหาการบริหารประเทศของรัฐบาล ทำให้ นายทักษิณ ถึงกับเอ่ยปากให้ตั้งพรรคการเมืองใหม่ พร้อมกำชับว่า ถ้าหากจะตั้งพรรคใหม่จริงๆ ควรต้องมีจุดยืนที่ชัดเจน คือ เรื่องความเป็นประชาธิปไตยดังนั้น 4 อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย จึงได้รับคำชี้แนะว่าทั้ง 4 คน ควรทำหน้าที่เปรียบเหมือนโค้ชแต่ละด้าน
นพ.พรหมมินทร์ เป็นโค้ชด้านยุทธศาสตร์ นพ.สุรพงษ์ เป็นโค้ชกระบวนการดำเนินการ, นายพงษ์ศักดิ์ เป็นโค้ชด้านคอนเนกชัน และ นายภูมิธรรม เป็นโค้ชเรื่องการทำหน้าที่แม่บ้านพรรค
ทั้ง 4 คนจะทำหน้าที่เหมือนเป็นโค้ชเท่านั้น จะไม่เข้าไปมีบทบาทอะไรในพรรคหรือในกลุ่ม หากตั้งพรรคแล้วชนะการเลือกตั้งทั้ง 4 คน ก็จะไม่เข้าไปมีตำแหน่งอะไรในพรรคหรือในรัฐบาล
ย้อนรอย 4 แกนนำ
ย้อนดูเส้นทางการเมืองของ 4 แกนนำกลุ่มแคร์ เริ่มจาก “ภูมิธรรม” หรือ “อ้วน” เคยตั้งพรรคการเมืองชื่อ ”พรรคประชาธรรม” หรือ “พรรค 14 ตุลา” เริ่มคุ้ยเคยกับ “ทักษิณ” ในห้วงกำเนิดพรรคไทยรักไทย เคยเป็นเลขานุการรัฐมนตรีมหาดไทย ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (สมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และลาออกจากแม่บ้านพรรคเพื่อไทย ปิดฉากตำแหน่งกุนซือพรรคเครือข่าย “ทักษิณ” ยาวนานถึง 21 ปี ตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย
“พงษ์ศักดิ์” หรือที่รู้จักกันดีว่า “เฮียเพ้ง” เริ่มถนนการเมืองจากการช่วยงาน “อุทัย พิมพ์ใจชน” สร้างพรรคก้าวหน้า จนมีการยุบพรรคก้าวหน้าไปรวมกับพรรครวมไทย พรรคประชาชน และพรรคกิจประชาคม ชื่อพรรคเอกภาพ
“ทักษิณ” ชวน ร่วมตั้งพรรคไทยรักไทย ในปี 2542 ในตำแหน่งผู้อำนวยการพรรค เลือกตั้งปี 2544 เฮียเพ้งมีบทบาทช่วยงานพรรคไทยรักไทยเยอะ แต่ไม่เป็นข่าว เพราะถนัดทำงานเบื้องหลัง ได้รับตอบแทนในเก้าอี้สำคัญ ประกอบด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในรัฐบาล “ทักษิณ ชินวัตร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในรัฐบาลยิ่งลักษณ์
หมอพรหมินทร์ หรือ “หมอมิ้ง” เข้ามาช่วยงาน “ทักษิณ” ด้านกลยุทธ์ตั้งแต่ตั้งพรรคไทยรกัไทย และได้เข้าร่วมทำงานกับกลุ่มบริษัทชินวัตร จนตำแหน่งสุดท้ายคือซีอีโอ ของบริษัท ชินแซทเทิลไลท์ คอมมิวนิเคชั่นส์
ตำแหน่งสำคัญทางการเมือง เป็นรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลทักษิณ
ขณะที่ นพ.สุรพงษ์ หรือ “หมอเลี้ยบ เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอย่างไม่เป็นทางการ
ต้องจับตา 4 ขุนพลข้างกาย “ทักษิณ” ที่หันมารับหน้าที่มือประสานกลุ่มการเมืองใหม่ จะช่วยหาทางออกประเทศได้ตามที่ตั้งใจได้มากน้อยเพียงใด
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,582 หน้า 10 วันที่ 11 - 13 มิถุนายน 2563