16 พฤษภาคม 2563 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุข้อความว่า
ดีใจครับ ที่วันนี้ไม่มีเคสติดเชื้อใหม่เลย
รวมแล้วเรามียอดผู้ติดเชื้อโรค COVID-19 สะสม 3,025 คน
เน้นย้ำให้ทุกคนเข้าใจว่า การที่ไม่มีเคสใหม่ ไม่ได้แปลว่า เชื้อไวรัสหมดไปจากสังคม
ถึงแม้จะ 0 ติดต่อกันไป 14 วันตามที่หลายฝ่ายได้ออกข่าวไปนั้น ก็ไม่ได้แปลว่า สังคมจะปลอดไวรัส เพียงแต่อาจมีน้อยจนเราตรวจไม่พบในกลุ่มเสี่ยง ในขณะที่คนทั่วไปอาจมีการติดเชื้อโดยไม่มีอาการใดๆเลยถึง 20% ได้ หรือ มีอาการน้อยเหมือนไข้หวัดไข้หวัดใหญ่ได้ถึง 65% ซึ่งคนสองกลุ่มดังกล่าวมิได้สงสัยว่าตนเองจะติดเชื้อ จึงไม่ได้ไปตรวจ
และแน่นอนว่ามีโอกาสที่จะเกิดการติดเชื้อไปสู่คนอื่นๆ ได้
ไวรัส COVID-19 ในปัจจุบันนั้นลามไปทั่วโลก อย่างไรเสียก็จะคงอยู่กับเราไปอีกนาน ถึงในอนาคตเราจะปลอดเคสใหม่ได้ 14 วัน แต่ก็จะมีโอกาสที่คนที่เดินทางจากประเทศทั่วโลกจะนำพาเชื้อเข้ามาเพิ่มในไทยได้อีกทางหนึ่ง
นี่จึงสำคัญยิ่ง ที่เราต้องเปลี่ยนตัวเรา ให้กลายเป็นคนใหม่ New Normal = New "Me"
ใช้ชีวิตลัลล้าไม่ระมัดระวังแบบในอดีต...ไม่ได้อีกแล้ว
ใส่หน้ากาก ล้างมือ อยู่ห่างๆ...คือ นิสัยที่ต้องฝึกทำ
สังคมก็ต้องช่วยกันปรับสภาพแวดล้อม ทำให้เกิดธรรมเนียมปฏิบัติ ที่จะช่วยกล่อมเกลาให้ทุกคนที่ใช้ชีวิตทำ
จะไปทำธุระที่ใด ต้องมีที่ล้างมือ หรือเจลแอลกอฮอล์ให้ใช้ทุกแห่งหน
จะไปซื้อของหรือรับบริการใดๆ ต้องได้รับการตรวจวัดไข้ ล้างมือ และตรวจสอบว่าใส่หน้ากากหรือไม่
นอกจากนี้ควรบันทึกไว้เสมอว่าไปนอกบ้านนั้น ไปเมื่อใด ที่ใด เวลาใด เก็บไว้ในมือถือหรือบันทึกไว้ให้ตรวจสอบได้ หากยามใดมีการระบาด รัฐเค้าประกาศ จะได้ทราบว่าเราได้ไปแถวนั้นเวลานั้นหรือไม่ จะได้ไปรับการตรวจได้ทันท่วงที ไม่ได้ปล่อยให้ติดเชื้อจนอาการรุนแรงหรือแพร่ให้คนในบ้านโดยไม่รู้ตัว
ที่น่าห่วงตอนนี้คือ หากในไม่ช้านี้ไม่มีการรวมศูนย์อำนาจในการจัดการควบคุมโรคภายใต้การดูแลใกล้ชิดของนายกรัฐมนตรีแล้ว ในระยะยาวจะมีกลไกใดบ้างที่จะตรวจสอบ ถ่วงดุลอำนาจการตัดสินใจของหน่วยงานรัฐ หากมีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นจนคุกคามความปลอดภัย ดังที่เราประสบมาในช่วงการระบาดสามเดือนแรก
รัฐและหน่วยงานความมั่นคง ควรพิจารณาเรื่องที่ผ่านมาเป็นบทเรียนว่า เราฝ่าฟันวิกฤติระลอกแรกมาได้อย่างฉิวเฉียดเพราะประชาชนร่วมด้วยช่วยกันทำ และมีฝ่ายวิชาการอย่างโรงเรียนแพทย์ต่างๆมาทักท้วงและเสนอแนะมาตรการจนเกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายได้ทันเวลา
ดังนั้น จึงต้องพิจารณาว่า จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดการรวบอำนาจหลายกระทรวงภายใต้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งพรรคใดพรรคหนึ่ง ที่จะเกิดโอกาสตัดสินใจใช้อำนาจบริหารไปในทางที่ไม่เหมาะสม จนอาจเกิดความเสี่ยงต่อสวัสดิภาพความปลอดภัยของประชาชน
เราต้องป้องกันไม่ให้เกิดปรากฏการณ์สนับสนุนการแข่งรถยามโรคระบาดขึ้นมาอีก
เราต้องป้องกันไม่ให้เกิดปรากฏการณ์หน้ากากปริศนา เจลปริศนา ขึ้นมาอีก
เราต้องป้องกันไม่ให้เกิดภาวะ"ก็แค่หวัดธรรมดา"ขึ้นมาอีก
ท่านนายกรัฐมนตรีควรพิจารณาจัดกระบวนทัพใหม่ สร้างสมดุลอำนาจ ใช้คนให้ถูกที่ รู้ว่าใครดีใครไม่ดี ไม่ว่าจะนักการเมืองหรือข้าราชการประจำก็ตาม
ทั้งเรื่องกัญชายาเสพติดและเรื่องโรคระบาด...เป็น 2 เรื่องหลักที่เราเห็นชัดเจนมาก และน่าจะถึงเวลาที่จะปลดล็อคประเทศเสียที
"ต้องไม่ให้รวบอำนาจทั้งสุขภาพ คมนาคม และท่องเที่ยว ไว้เช่นเดิมครับ"