พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้าทีมรับผิดชอบการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19” (ศบค.) หรือ ศอฉ.โควิด-19 กล่าวว่า การประกาศพรก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องในขณะนี้และก่อนหน้านี้ว่า 1 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ การบังคับใช้พรก.ฉุกเฉิน ครั้งนี้ จึงเป็นไปเพื่อจะเอาชนะเชื่อโควิด-19 และเมื่อรัฐบาลได้พิจารณาว่า เชื้อโควิด-19 จะระบาดบานปลาย
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดยอมรับว่า พรก.ฉุกเฉิน อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตต่อประชาชนทั้งประเทศบ้างด้วยการตั้งจุดตรวจ ตรวจเข้มข้นคนที่เข้าออก ซึ่งมีทั้งหมด 359 แห่งทั่วประเทศอยู่ในกทม. 7 แห่ง ขอประชาชนอย่าวิตกและใช้ชีวิตตามปกติและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อใช้มาตรการดังกล่าวนี้แล้วสถานการณ์แพร่ระบาด และตัวเลขของผู้ติดเชื้อยังไม่ลดลงจะมีมาตรการที่เข้มข้นมาบังคับใช้ก่อนล็อกดาวน์ปิดประเทศ เพื่อสกัดและป้องกันการติดเชื้อในประเทศ แต่ก่อนจะถึงมาตรการเข้มข้นนั้น อยากให้ประชาชนให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ออย่างเคร่งครัด ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตไม่เข้าใกล้หรือไปรวมกลุ่มกัน
พล.อ.พรพิพัฒน์ ชี้แจงกรณีการตั้งข้อสังเกตว่า ต้นตอของการแพร่ระบาดโควิด19 มาจากสนามมวย และมีนายทหารเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยยอมรับว่า การติดเชื้ออาจจะมาจากค่ายมวยแต่ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่นำไปสู่การแพร่ระบาดและจะไม่พูดเรื่องที่ผ่านมาแล้วพร้อมปฏิเสธกรณีที่ถามว่า จะปรับลดงบเพื่อนำมาใช้ดำเนินการแก้ไขการแพร่ระบาดโควิด ตามที่นายกฯสั่งปรับลดในส่วนของกระทรวงตัวเองหรือไม่นั้น พล.อ. กล่าวว่า ใช้งบกลางของรัฐบาล และยังไม่มีการปรับการเหลื่อมเวลาการทำงานของประชาชน หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย