“ชูชาติ”อัด“อนาคตใหม่”อย่าบิดเบือนปม41ส.ส.ถือหุ้นสื่อ

18 มิ.ย. 2562 | 13:00 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

“อดีตผู้พิพากษาศาลฏีกา”อัด“รองโฆษกพรรคอนาคตใหม่”อย่าบินเบือนปม 41 ส.ส.ถือหุ้นสื่อ ระบุเป็นการหลอกลวงผู้สนับสนุนที่ไม่รู้ความจริงเพื่อสร้างวาทกรรม ศาลรัฐธรรมนูญสองมาตรฐาน

นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฏีกา ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ รองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ได้เรียกร้องให้ประชาชน จับตาดูมาตรฐานการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญ หลังรับคำร้องที่พรรคอนาคตใหม่ยื่นเรื่องรายชื่อ 41 ส.ส. ถือหุ้นสื่อ ว่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับการพิจารณากรณีของนายภูเบศวร์ เห็นหลอด ผู้สมัคร ส.ส. สกลนคร พรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกพิจารณาตัดสิทธิ์ และนายธนาธ  จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ศาลมีคำสั่งยุติบทบาท ส.ส. ซึ่งในวันที่ 19 มิถุนายน 2562 จะครบกำหนด 7 วัน ที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง หากยังไม่มีคำสั่ง หรือผลการพิจารณาออกมา พรรคอนาคตใหม่ก็จะออกมาเรียกร้องในขั้นต่อไปนั้น

กรณีของนายภูเบศวร์ ข้อเท็จจริงฟังได้ยุติว่า เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจํากัด มาร์ส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการสถานีวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์และออกหนังสือพิมพ์ จึงเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) คือเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ และศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีคำสั่ง ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้พิจารณาวินิจฉัยดังที่รองโฆษกพรรคอนาคตใหม่บิดเบือน

ส่วนกรณีของนายธนาธร ข้อเท็จจริงตามที่ กกต.ไต่สวนพยานหลักฐานฟังได้ยุติว่า ถือหุ้นในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งประกอบกิจการพิมพ์สิ่งพิมพ์ต่างๆ จึงเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) จริง มีประเด็นเพียงว่า ในขณะรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. นายธนาธร โอนหุ้นให้แก่บุคคลอื่นไปแล้วหรือไม่เท่านั้น

แต่กรณีของ ส.ส. 41 คน ยังไม่มีองค์กรใดทำการไต่สวนพยานหลักฐานมาก่อนเลย ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ถือหุ้นสื่ออย่างที่รองโฆษกพรรคอนาคตใหม่อ้าง เช่น กรณีของนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ที่ระบุว่าถือหุ้นบริษัท ปารีณา ไกรคุปต์ จำกัด มีวัตถุประสงค์ในข้อ 17 ว่า ประกอบกิจการค้า กระดาษ เครื่องเขียน แบบเรียน แบบพิมพ์ เครื่องพิมพ์ อุปกรณ์การพิมพ์ สิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ ตู้เก็บเอกสาร ฯลฯ ซึ่งหมายความว่า ประกอบกิจการซื้อขายกระดาษ เครื่องเขียน แบบเรียน แบบพิมพ์ เครื่องพิมพ์ อุปกรณ์การพิมพ์ สิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ ตู้เก็บเอกสาร ฯลฯ ไม่ได้ถือหุ้นสื่ออย่างที่รองโฆษกพรรคอนาคตใหม่อ้างแต่อย่างใด

ทั้งเรื่องนี้ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้สั่งรับคำร้องดังที่รองโฆษกพรรคอนาคตใหม่บิดเบือน ความจริงคือประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการของศาลฯ ได้รับเรื่องไว้เท่านั้น ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้มีคำสั่งอะไรเลย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุระการต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงซึ่งมี ส.ส. ถึง 41 คน ต้องใช้เวลาพอสมควรในการตรวจสอบก่อนที่จะเสนอให้ตุลาการพิจารณา

ถ้า ส.ส.ที่ร่วมกันเข้าชื่อยื่นคำร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้ส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถูกฟ้องข้อหาร่วมกันยื่นคำร้องอันเป็นเท็จ พรรคอนาคตใหม่คงกล่าวหาว่าถูก คสช. กลั่นแกล้งเหมือนที่เคยกล่าวหาอยู่เป็นประจำ

นี่คือการกล่าวบิดเบือนความจริงหลอกลวงผู้สนับสนุนที่ไม่รู้ความจริงของพรรคอนาคตใหม่เพื่อสร้างวาทกรรม ศาลรัฐธรรมนูญสองมาตรฐาน ดังที่ได้กล่าวไว้เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2562