ลูกจ้างเฮ! ประกาศแล้ว ก.ม.คุ้มครองแรงงาน เพิ่มสิทธิประโยชน์ ชดเชยเลิกจ้างคนทำงานเกิน 20 ปี ได้ 400 วัน ลากิจได้ 3 วันได้ค่าจ้าง
เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2562 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 เป็นการแก้ไข พ.ร.บ.เดิมซึ่งระบุว่า มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของ บุคคล ซึ่งมาตรา 26 ประกอบกับมาตรา 40 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้ เพื่อยกระดับการคุ้มครองลูกจ้างให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อันจะทําให้ลูกจ้าง ซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศมีความมั่นคงในการทํางานและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และจะเป็น ประโยชน์แก่ความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ
สําหรับสาระสําคัญของกฎหมายฉบับนี้ จะเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่ลูกจ้างหลักๆ คือ
1.หากนายจ้างไม่ คืนเงินหลักประกัน ไม่จ่ายเงินกรณีบอกเลิกสัญญาจ้างโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า หรือไม่จ่ายค่าจ้าง ค่าล่วง เวลา ค่าทํางานในวันหยุด ค่าล่วงเวลาในวันหยุด และเงินที่นายจ้างมีหน้าที่ต้องจ่าย หรือไม่จ่ายเงินกรณี นายจ้างหยุดกิจการ ให้นายจ้างเสียดอกเบี้ยให้แก่ลูกจ้างในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละ 15 ต่อปี
2.กรณีมีการเปลี่ยนแปลงตัวนายจ้าง ทั้งบุคคลและนิติบุคคล ทําให้ลูกจ้างต้องไปเป็นลูกจ้างของนายจ้าง ใหม่ จะต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง และให้สิทธิต่างๆ ที่ลูกจ้างมีอยู่ต่อนายจ้างเดิมคงมีสิทธิต่อไป โดยนายจ้างใหม่ต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่อันเกี่ยวกับลูก
3.กรณีนายจ้างบอกเลิกสัญญาจ้างโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ให้นายจ้างจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างเป็นจํานวน เท่ากับค่าจ้างที่ลูกจ้างควรจะได้รับ นับแต่วันที่ให้ลูกจ้างออกจากงานจนถึงวันที่การเลิกสัญญาจ้างมีผล โดย ให้จ่ายในวันที่ให้ลูกจ้างออกจากงาน
4.ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อกิจธุระอันจําเป็นได้ปีละไม่น้อยกว่า 3 วันทํางาน และต้องจ่ายค่าจ้างในวันลาเพื่อ กิจธุระอันจําเป็นเท่ากับค่าจ้างในวันทํางาน
5.ให้ลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์มีสิทธิลาเพื่อคลอดบุตรครรภ์ หนึ่งไม่เกิน 98 แปดวัน โดยหมายความรวมถึงวันลาเพื่อตรวจครรภ์ก่อนคลอดบุตรด้วย โดยยังได้รับค่าจ้าง เท่ากับวันทํางาน แต่ไม่เกิน 45 วัน
6.กรณีนายจ้างต้องหยุดกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนชั่วคราว ซึ่งมิใช่เหตุสุดวิสัย ให้นายจ้างจ่ายเงินให้แก่ ลูกจ้างไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของค่าจ้างในวันทํางานที่ลูกจ้างได้รับก่อนนายจ้างหยุดกิจการตลอดระยะเวลา ที่นายจ้างไม่ได้ให้ลูกจ้าง
7. อัตราค่าชดเชยการเลิกจ้าง เพิ่มเป็น 6 อัตรา คือ อัตราที่ 1 ทํางานครบ 120 วัน แต่ไม่ถึง 1 ปี ได้ค่า ชดเชย 30 วัน อัตราที่ 2 ทํางานครบ 1 ปี แต่ไม่ถึง 3 ปี ได้ค่าชดเชย 90 วัน อัตราที่ 3 ทํางานครบ 3 ปี แต่ ไม่ครบ 6 ปี ค่าชดเชย 180 วัน อัตราที่ 4 ทํางานครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ได้ค่าชดเชย 240 วัน อัตราที่ 5 ทํางานครบ 10 ปี แต่ไม่ครบ 20 ปี ได้ค่าชดเชย 300 วัน และอัตราที่ 6 ทํางานมากกว่า 20 ปีขึ้นไป ได้รับค่า ชดเชย 400 วัน โดยต้องจ่ายไม่ต่ํากว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย
8.นายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการไปแห่งใหม่ ให้ประกาศแจ้งลูกจ้างทราบล่วงหน้า ในที่เปิดเผยที่ลูกจ้าง สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่น้อยกว่า 30 วันก่อนวันย้าย ต้องมีข้อความชัดเจนว่าลูกจ้างคนใดจะต้องถูก ย้ายไปสถานที่ใดและเมื่อใด หากไม่ทําให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่ ลูกจ้างที่ไม่ประสงค์จะไปทํางานที่ใหม่เท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน หากลูกจ้างคนใดเห็นว่าการย้าย สถานประกอบกิจการมีผลกระทบต่อการดํารงชีวิต และไม่ประสงค์จะไปทํางานแห่งใหม่ ต้องแจ้งให้นายจ้าง ทราบเป็นหนังสือภายใน 30 วันนับแต่วันที่ปิดประกาศ หรือนับแต่วันที่ย้ายสถานประกอบกิจการ และให้ ถือว่าสัญญาจ้างสิ้นสุดลงในวันที่นายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการ โดยลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชยพิเศษ ไม่น้อยกว่าอัตราค่าชดเชยที่ลูกจ้างพึงมีสิทธิได้รับ
และ9. ให้นายจ้างกําหนดค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทํางานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุดในอัตราเท่ากันทั้ง ลูกจ้างชายและหญิงในงานที่มีค่าเท่าเทียมกันเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
ทั้งนี้ พ.ร.บ.ดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้หลังประกาศในราชกิจจานเบกษา 30 วัน