เลือกตั้ง‘เดดล็อก’ ‘ลุงตู่’ส่ออยู่ยาว

16 มี.ค. 2562 | 05:30 น.
อัปเดตล่าสุด :16 มี.ค. 2562 | 12:29 น.

นับถอยหลังอีกไม่กี่วันจะถึงวันหย่อนบัตรลงคะแนนเลือกตั้ง อุณหภูมิทางการเมืองยิ่งทวีความร้อนแรงขึ้นทุกองศา 3 บก.เครือเนชั่น “สมชาย มีเสน-วีระศักดิ์ พงศ์อักษร-บากบั่น บุญเลิศ” ร่วมวิเคราะห์การเมืองโค้งสุดท้าย พร้อมเจาะลึกแง่มุมประเมินสถานการณ์หลังการเลือกตั้งเอาไว้ว่า การเมืองไทยอาจเดินเข้าสู่ทางตัน เกิด “เดดล็อก” ได้จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่

จากท่าทีของพรรคการเมืองที่มีโอกาสสูงจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ระดมยิงหมัดหวังน็อกคู่แข่งขัน ที่กำลังดุเด็ดเผ็ดมันมากที่สุดเวลานี้ต้องยกให้ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เล่นบทแข็งกร้าวประกาศ “ไม่เอาใคร...”

“ประชาธิปัตย์ไม่เอาพรรค เพื่อไทยเพราะเพื่อไทยไม่ออกจากการครอบงำกลุ่มคนเล็กๆ มีผลประโยชน์กับประเทศ ประชาธิปัตย์ไม่ร่วมงานด้วย”

เลือกตั้ง‘เดดล็อก’  ‘ลุงตู่’ส่ออยู่ยาว

หากแต่การที่ อภิสิทธิ์ มีคลิปที่ 2 ประกาศเจตนารมณ์ทางการเมืองตามมาอีกว่า “ไม่ขอสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะเป็นการสืบ ทอดอำนาจ เท่ากับสร้างความขัดแย้ง”

การประกาศจุดยืนในครั้งนี้ เพราะ อภิสิทธิ์ เชื่อมั่นแล้วว่า นอกจากจะไม่ทำให้คะแนนของประชาธิปัตย์ลดลงแล้ว จะไปช่วยเพิ่มเติมคะแนนเสียงให้กับพรรคของตนเองได้ โดยเฉพาะกลุ่มนิวโหวตเตอร์ที่มีอายุระหว่าง 18-26 ปี ซึ่งมีสิทธิหย่อนบัตรลงคะแนนเลือกตั้งเป็นครั้งแรกที่มีอยู่ถึง 7 ล้านคน และจากกลุ่มที่ “ไม่เอาลุงตู่-ไม่เอาทหาร” รวมถึงกลุ่มที่ยังไม่มีพรรคในดวงใจ

แน่นอนว่าทันทีที่ประกาศจุดยืน ไม่เอาใครทั้ง เพื่อไทย และไม่หนุนพล.อ.ประยุทธ์ เกิดกระแสตีกลับส่งตรงถึง อภิสิทธิ์ และประชาธิปัตย์แบบฉับพลันเช่นกัน โดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย สวนหมัดตอกกลับว่า “คุณอภิสิทธิ์บอกว่า ไม่ร่วมกับเพื่อไทย เราขอบคุณ เพราะเราก็ไม่ร่วมกับคุณเช่นกัน”

เช่นเดียวกับ อุตตมสาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ออกอาการขุ่นเคืองโต้กลับในทำนองเดียวกันว่า “ขอให้จำไว้แล้วกัน ว่าพูดอะไรไว้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชนเป็นคนเลือก”

“ท่าทีของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้ แม้ว่าจะไม่ส่งผลเสียต่อคะแนนเสียงของประชาธิปัตย์ ถ้าไม่เสมอตัวก็ อาจจะเป็นผลบวก แต่การแสดงจุดยืนในวันนี้ จะส่งผลเสียต่อประชาธิปัตย์หลังการเลือกตั้งในการจัดตั้งรัฐบาล” นายสมชาย กล่าวยํ้า

เลือกตั้ง‘เดดล็อก’  ‘ลุงตู่’ส่ออยู่ยาว

เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ถูกออกแบบ วางกฎกติกามาให้เป็นรัฐบาลผสม เป็นไปได้ยากที่จะจัดตั้งรัฐบาลเพียงพรรคเดียว อภิสิทธิ์ และประชาธิปัตย์ จึงเล่นคนเดียวไม่ได้ จากที่ได้ประเมินเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า พรรคที่ได้เก้าอี้ ส.ส.อย่างน้อย 100 เสียงขึ้นไปต้องจับมือกับ “พรรครอเสียบ” เพื่อจัดตั้งรัฐบาล

การที่ อภิสิทธิ์ ประกาศเจตนารมณ์เช่นนี้เท่ากับได้สร้างเงื่อนไขที่จะส่งผลต่อพรรคตัวแปรอื่นๆ ขึ้นแล้ว เช่น ถ้าพลังประชารัฐได้ ส.ส. 90-100 ที่นั่ง มาเป็นอันดับ 3 แม้ว่าจะได้ส.ส. ตํ่ากว่าประชาธิปัตย์ก็จะใช้เป็นเงื่อนไข ตั้งแง่ไม่เอาประชาธิปัตย์ได้เช่นกัน เพราะอภิสิทธิ์ตั้งกำแพงบอกไม่เอาเขาตั้งแต่แรก หันไปจับมือกับพรรครอเสียบแทน

“ตั้งสมมติฐานให้ประชา ธิปัตย์ได้เก้าอี้ ส.ส.มากที่สุดไปเลยที่ 130 ที่นั่ง ชนะมาเป็นลำดับที่ 2 มีโอกาสที่คุณอภิสิทธิ์จะได้นั่งเก้าอี้นายกฯมากที่สุด แต่จะเป็นเช่นนั้นได้ คุณต้องมีพรรคที่ ได้ส.ส.หลักร้อย (บวกลบ) มารวม กันอย่างน้อย 2 พรรค หรือรวมกับพรรครอเสียบอีก 2-3 พรรคเพื่อให้ได้เสียงเกิน 250-260 เสียง”

การเปิดหน้าออกหมัดของ อภิสิทธิ์ ครั้งนี้ ดูจะผิดเพี้ยนไปจากยุทธวิธีทางการเมืองทั่วไป เพราะที่ผ่านมา “ผู้จัดการรัฐบาล” ส่วนใหญ่จะเปิดทาง เอาไว้ ไม่นำเรื่องนี้มาพูดออกสื่อหรือประกาศโจ่งแจ้งเหมือนที่อภิสิทธิ์ทำ จึงคิดเป็นอื่นไปไม่ได้ว่าอาจเป็นเพราะอภิสิทธิ์ไม่เคยเป็น “ผู้จัดการรัฐบาล” มาก่อน

นับตั้งแต่ สุเทพ เทือก-สุบรรณ ลาออกจากประชาธิปัตย์มาเคลื่อนม็อบ กปปส. ถึงวันนี้ประชาธิปัตย์ยังไม่มีมือที่จะมาประสานกับพรรคต่างๆ ในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะเป็นช่วงที่ยังไม่เคยมีการเลือกตั้งและยังไม่เคยมีการจัดตั้งรัฐบาลตลอดหลายปีที่ผ่านมา

สถานการณ์ของ อภิสิทธิ์ และประชาธิปัตย์ วันนี้ตกที่นั่ง “หัวเดียวกระเทียมลีบ” ยิ่งเมื่อ “อดีตผู้จัดการรัฐบาล” คนสำคัญที่เคยมองตารู้ใจอย่าง “ลุงกำนัน-สุเทพ เทือกสุบรรณ” ยิงหมัดชุดใหญ่ใส่ บอกบรรดากองเชียร์เมื่อวันขึ้นเวทีปราศรัยที่ภาคใต้ พร้อมเผยแพร่คลิปความยาว 2 นาทีกว่าผ่านหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัวที่มีสมาชิกมากกว่า 2 ล้านคน ด้วยข้อความสะท้านทรวงว่า

วันนี้ต้องเลือกข้างระหว่าง “ลุงตู่กับทักษิณ” อภิสิทธิ์ไม่เอาลุงตู่จะเอากับทักษิณใช่หรือไม่ ทั้งยังเอ่ยปากรำลึกความหลังกับนายอภิสิทธิ์ให้ได้เจ็บปวดด้วยว่า ถ้าไม่ได้ผม นายอภิสิทธิ์คงไม่มีทางได้เป็นนายกฯ ก่อนจะตัดเยื่อใยทิ้งหมัดน็อกนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์เอาไว้ว่า ถ้าอยู่กับอภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน ก็คงแก้ราคายางกับปาล์มไม่ได้

เหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณเตือนภัยที่บ่งชี้ให้เห็นว่า หลังการเลือกตั้งการเมืองไทยจะเดินไปถึงทางตันในอนาคตได้

ขณะที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส. ภายใน 15 วันหลังการเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 9 พฤษภาคม จากนั้นให้เรียกประชุมสภาเพื่อเลือกประธาน และรองประธานสภา คาดการณ์ว่า จะเป็นวันที่ 24 พฤษภาคม เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ จากนั้นราวต้นเดือนมิถุนายนจึงจะมาเลือกตัวนายกฯ

“ภายใน 1 เดือนหากยังไม่สามารถเลือกตัวนายกฯ ได้ ทุกอย่างจบ ประเทศเดินต่อไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังคงสถานะความเป็นนายกฯอยู่ อาจให้เวลา 1-2 เดือน แต่ถ้ายังตั้งรัฐบาลไม่ได้ มีแนวโน้มว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจประกาศยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งกันใหม่” 

รายงาน โดย ทีมข่าวการเมือง

หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3453 ระหว่างวันที่ 17 - 20 มีนาคม 2562

เลือกตั้ง‘เดดล็อก’  ‘ลุงตู่’ส่ออยู่ยาว