… ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง เมื่อทุกสายตาจับจ้องไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กับกระแสข่าวการจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ที่คาดการณ์ว่าจะมีขึ้นในวันที่ 24 ก.พ. 2562
ได้หัวใจคนไทยทั้งชาติไปไม่น้อย หลังจากประเทศไทยไม่มีการจัดเลือกตั้งมากว่า 4 ปีแล้ว เพราะ กกต. คือ หนึ่งในองค์กรอิสระที่จะร่วมมีบทบาทขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ทำให้การเลือกตั้งเกิดความสุจริตเที่ยงธรรม
นั้นหมายความว่า หากไม่มีเหตุแทรกซ้อน เชื่อว่า วันที่ 24 ก.พ. 2562 จะเป็นวันที่ประชาชนคนทั้งชาติจะได้ออกไปเลือกตั้ง ออกไปตัดสินว่า ใครจะเป็นผู้เข้ามาบริหารประเทศคนต่อไป
ผู้เขียนสังเกตเห็นบรรยากาศความอึดอัดดูจะผ่อนคลายลงระดับหนึ่ง ผู้คนมีโอกาสสูดลมหายใจแห่งเสรีภาพขึ้นบ้าง
อีกไม่กี่เดือนจะได้รู้ว่า พรรคไหนจะได้เข้ามาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีต่ออีกหรือไม่
ทุกอย่างยังรอการตัดสินใจบนวิถีประชาธิปไตย ที่มีการเลือกตั้งเป็นเครื่องมือ
จากวินาทีนี้ไปจนถึงวันเวลาของการเลือกตั้ง จึงเป็นปัจจัยสำคัญต่ออนาคตของบ้านเมือง เท่า ๆ กับเป็นเครื่องชี้เป็นชี้ตายบรรดาพรรคการเมืองและนักการเมือง ทั้งมุ้งใหญ่ มุ้งเล็ก เพราะแต่ละคนแต่ละพรรค ยังไม่สนิทใจนักว่าจะได้รับเลือกตั้งเข้ามาหรือไม่
เช่นเดียวกับสถานการณ์เช่นนี้ ได้สร้างความอึดอัดใจให้กับว่าที่ผู้สมัครอีกหลายคน หลายเขตเลือกตั้ง ที่กำลังอยู่บนทางสองแพร่งของการที่จะเลือกเอาระหว่างการแปรพักตร์ไปอยู่กับพรรคใหม่ที่กำลังมาแรง กับการยังคงทนอยู่ต่อไปในพรรคการเมืองเดิม
เมื่อมีข่าวคราวเป็นระยะ มีมูฟเมนท์เป็นระลอกคลื่น ระลอกแล้ว ระลอกเล่า หนุนเนืองไม่ขาดสาย เป็นคลื่นพรรคใหม่ที่ก่อตัวเป็นคลื่นยักษ์ กำลังใช้ยุทธวิธีทุกรูปแบบ ต้อนเอาว่าที่ผู้สมัครคนเด่นคนดังจากพรรคคู่แข่งเข้ามาอยู่ในสังกัด
ยุทธการชิงเมืองครั้งใหม่นี้ ยากที่จะมีใครคาดเดาถึง
น่าจับตาการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะเป็นอย่างไร
[caption id="attachment_307261" align="aligncenter" width="503"]
©mohamed_hassan[/caption]
แต่ทว่า ก่อนวันเลือกตั้งครั้งต่อไปจะมีขึ้น ความจริงข้อหนึ่งที่ผู้เขียนขอให้ท่านผู้อ่านลองนึกภาพตาม นั้นคือ นับแต่การยึดอำนาจปกครองครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 ที่ผ่านมา
ได้มีภาพสะท้อนให้เห็นสภาพของสังคมการเมืองของไทย ออกมาอย่างหนึ่ง และเป็นต้นเหตุหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ไปอ้างการยึดอำนาจ ซึ่งมองข้ามไม่ได้เลย ก็คือ
"ธุรกิจการเมือง"
นักการเมืองที่เข้ามาฉกฉวย
"อำนาจรัฐ" แล้วแสวงหาผลประโยชน์สู่พวกพ้องและบริวาร
หากภาพสะท้อนเช่นนี้กลับเข้ามาอีก ก็จะเป็นปัญหาใหญ่และนำไปสู่การล้มกระดานเกิดขึ้นอีก
ไม่ว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งจะเป็นกี่ครั้งกี่หน
ธุรกิจการเมือง ก็จะเข้ามาแทรกแซงและนำพาไปสู่การยึดอำนาจครั้งต่อ ๆ ไปอีก ไม่มีวันจบสิ้น
ความวุ่นวายก็อาจจะเกิดขึ้นอีก ในครั้งนี้ก็เช่นกัน เราก็อาจหลีกเลี่ยงตรง ๆ ไม่ได้
แต่อย่างน้อยเรื่องนี้ คนไทยผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งต้องไม่นิ่งดูดาย ช่วยกันตัดสินใจเลือกคนดีมาให้มากที่สุด มาบริหารประเทศชาติบ้านเมืองและดูแลทุกข์สุขประชาชนอย่างแท้จริง
ในช่วงนี้ พวกเราคงต้องค่อย ๆ ศึกษาประวัติความเป็นมาของบุคคลในพรรคต่าง ๆ อย่างละเอียด รอบคอบ ให้ครบแง่มุมให้มากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อใช้เป็นแนวทางก่อนมองหาคนที่เราคิดว่าน่าจะพอรับได้
การเมืองไทย นับจากนี้ไปจะก้าวไปในทิศทางใดและอย่างไร ผู้เขียนหวังว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันจะหาทางกระตุ้นคนไทย ให้เกิดความกระตือรือร้นอย่างยิ่งยวด เพราะเชื่อว่าคนไทยก็รักชาติกันทุกคน มีความปรารถนา มีความหวังให้ชาติบ้านเมืองเราก้าวเจริญรุดหน้า ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขกันทุกคน
ทางเลือกของชาติ อยู่ในมือทุกท่านแล้วครับ
……………….
คอลัมน์ : ปฏิกิริยา โดย บิ๊กอ๊อด ปากพนัง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● ปฏิกิริยา |
ติดบ่วงหนี้ 'กยศ.' ... 'ครูวิภา' ไม่ใช่คนสุดท้าย
● ปฏิกิริยา :
“ห่วงใย ใจเป็นหนึ่งเดียว”