"ไก่อู" รอ "นายกฯ-วิษณุ" เคาะ "กรมประชาฯ" หาโฆษณาได้?

05 เม.ย. 2561 | 14:17 น.
อัปเดตล่าสุด :05 เม.ย. 2561 | 21:17 น.
-5 เม.ย.61- พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเสนอคสช.ให้ใช้อำนาจม.44 แก้กฎหมายเพื่ออนุญาตให้กรมประชาสัมพันธ์ , สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย(เอ็นบีที) หาโฆษณาได้ ว่า ตนได้รายงานพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ไปแล้วถึงปัญหาของกรมประชาฯสัมพันธ์ที่มีอยู่งบประมาณอยู่ปีละประมาณ 200 กว่าล้านบาทจึงประสบปัญหาในการผลิตรายการ ไม่สามารถที่จะจ้างผู้ผลิตรายการที่มีคุณภาพได้

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า จึงเสนอให้ผู้ผลิตรายการในช่องเอ็นบีทีสามารถที่จะหาโฆษณาได้ และไม่ใช่ว่ากรมประชาสัมพันธ์ต้องการมีรายได้เพิ่ม เพียงแต่ต้องการให้ผู้ประกอบการมีงบประมาณที่จะผลิตงานที่มีคุณภาพออกมาได้ โดยที่กรมประชาสัมพันธ์อาจให้งบประมาณไปส่วนหนึ่งและหาโฆษณาเองในส่วนหนึ่ง แต่ต้องอยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม ไม่มากเหมือนสWถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีทั่วไป และการหาโฆษณานี้ต้องได้น้อยกว่าสถานีโทรทัศน์ช่อง 5

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า เหตุที่ต้องเล่าให้สื่อฟังเพราะต้องการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้จะหมกเม็ดอะไร เราบริสุทธิ์ใจที่จะแก้ปัญหาของหน่วยงาน ซึ่งตามข้อกฎหมายเวลานี้ยังทำไม่ได้ เราไม่ได้ต้องการกำไร โดยต้องหารือกับ กสทช.ในวันข้างหน้า หลังจากที่ได้คุยกันแล้วเบื้องต้น เพราะเราต้องการให้คนได้รับรู้สิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการไปแล้วแต่วันนี้เราทำได้เฉพาะแค่ข่าว รายการข่าว ถ่ายทอดสด นอกจากนี้ที่ผ่านมาตนก็ไม่มีนโยบายไม่ให้ช่องเอ็นบีทีไม่ถ่ายทอดสด แต่ถามว่ามีประชาชนกี่คนที่อยากดูถ่ายทอดสดนั้นจึงอยากให้ลองเปลี่ยนเป็นรายการเช่น รายงานพิเศษ ที่เก็บรายละเอียดครบถ้วนแต่ใช้เวลาไม่มาก อยากให้ไปดูช่องอื่นๆ ในรายการหนึ่งพวกเขาใช้งบเท่าไหร่ ซึ่งพบว่าเยอะมากในหลักสิบล้านบาท แต่ของเอ็นบีทีใช้ทั้งปี 200 กว่าล้านบาท

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า หากผู้ผลิตรายการโทรทัศน์สามารถหาโฆษณาได้ก็ต้องอยู่ที่ข้อตกลงกับสถานีว่าจะต้องจ่ายค่าผลิตรายการให้ด้วยหรือไม่ ในสัดส่วนเท่าไหร่ หรือผู้ผลิตรายการต้องจ่ายค่าเช่าสถานีให้ช่องเอ็นบีที แต่เชื่อว่าถ้าอนุญาตให้ผู้ผลิตรายการสามารถมีโฆษณาได้ก็จะทำให้รายการต่างๆในช่องเอ็นบีทีมีคุณภาพมากขึ้น โดยยังยึดหลักการเดิมคือการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาล ในเรื่องดังกล่าวกสทช.ก็เข้าใจ

“ซึ่งส่วนตัวเห็นว่ายังติดตรงที่ตรรกะ เช่น สถานีโทรทัศน์เพื่อความมั่นคง เช่น ช่อง 5 มีโฆษณาได้ แต่การสร้างความรับรู้ระหว่างรัฐบาลกับประชาชนอย่างช่องเอ็นบีทีกลับมีโฆษณาไม่ได้ และวันนี้ประชาชนต้องการรายการที่ให้ความรู้แต่ดูแล้วต้องสนุกด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อได้เสนอนายกรัฐมนตรีและหารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีไปแล้ว ก็สุดแท้แต่ว่าท่านจะให้การช่วยเหลืออย่างไร ซึ่งไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะต้องเป็นการใช้ม.44 แต่อย่างใด”