พล.อ.ประยุทธ์ จ้นทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”ว่า “วันที่ 13 มีนาคม” ของทุกปี เป็น “วันช้างไทย” สิ่งที่เป็นสาระน่าศึกษาก็ ได้แก่ ปัจจุบันนั้น ประชากรช้างไทยเหลือเพียง 6,000 ตัว ถึงแม้ว่าเราจะดูแลอย่างไรก็ตาม มีจำนวนจำกัด จากประชากรช้างทั่วโลก 750,000 ตัว สำหรับประวัติศาสตร์ของชาติไทยนั้น มีความผูกพันกับช้างมายาวนาน ภาษาไทยจึงมีสรรพนามสำหรับช้าง แตกต่างกัน เช่น “ช้างป่า” เราเรียกว่า “ตัว” แต่ถ้าอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เราเรียกว่า “โขลง”
เมื่อช้างนำมาฝึก มาเลี้ยงไว้ใช้ในบ้าน เราเรียกว่า “เชือก” แต่ถ้าเป็น “ช้างหลวง” เราใช้สรรพนามว่า “ช้าง” สำหรับช้างตัวผู้เราเรียก “ช้างพลาย” ส่วนช้างตัวเมียเราเรียก “ช้างพัง” นั่นคือความงดงามทางภาษาของเรา เป็น “ไทยนิยม” อีกอย่างหนึ่งที่คนไทย เด็กไทยควรจะเรียนรู้ รับรู้ไว้ไม่ลืมเลือน ใช้ให้ถูกต้อง เพราะการใช้ภาษานั้นจะสะท้อนระดับการศึกษาของผู้พูด
หากจะพูดถึงสาระที่เป็น “ความสำเร็จ” ของรัฐบาลนี้ ที่เกี่ยวข้องกับช้าง รวมทั้งการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าและพันธ์พืชที่ใกล้จะสูญพันธุ์หรือถูกคุกคาม ที่เรารู้จักในนามอนุสัญญา “CITES” นั้น
คนไทยบางส่วนอาจจะลืมไปแล้ว แต่ประชาคมโลกก็ได้จารึกว่า รัฐบาลนี้ และ คสช. ได้ใช้ความพยายามทั้งในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและกระบวนการยุติธรรมเข้ามาแก้ไขปัญหา การค้างาช้างในประเทศไทย จนผลเป็นที่ยอมรับ ในเวทีนานาอารยะชาติหลังจากที่เป็นปัญหาคู่สังคมไทยมาหลายสิบปี ก็อยากจะเรียกร้องให้ทุกคน ทุกฝ่าย ช่วยกันรักษาสิ่งดีๆ ที่เราทำไว้ให้นี้ต่อไป
วันนี้อาจจะมีปัญหาเรื่องคนกับช้างอยู่บ้าง เราต้องแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้อง ให้มีผลกระทบคนมากนัก วันนี้เราก็ได้มีการปิดถนนบางเส้นไป แล้วก็ต้องไปดูแลช้าง บางทีก็มีช้างเกเรอยู่ด้วย ต้องหามาตรการว่าจะทำยังไงกับช้างเกเรเหล่านั้น ที่อยู่ที่อาศัยจะทำอย่างไร อันนี้ก็ต้องมองหลายด้านด้วยกัน