“บิ๊กป้อม”ห้ามขาด”หยอดน้ำมัน”พิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าว

02 ก.พ. 2561 | 07:59 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

พล.อ.ประวิตร  รอง นรม. เป็นประธานการประชุมสัมมนาแถลงแผนปฏิบัติตรีเทพ เร่งพิสูจน์สัญชาติเพื่อออกใบอนุญาตทำงานอย่างถูกต้องให้แล้วเสร็จภายในมิ.ย.2561 นี้

-2 ก.พ.61-วันนี้(2 ก.พ.61) เวลา 10.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร  วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสัมมนา แถลงแผนปฏิบัติการสนับสนุนการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ และดำเนินการออกใบอนุญาตทำงานให้ถูกต้องตามกฎหมาย พร้อม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงรงงาน นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงาน ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด เอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย ทูตแรงงานกัมพูชาประจำประเทศไทย อัครรัฐทูต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประจำประเทศไทย องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) และองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ร่วมประชุม

9803_20180202110844

โอกาสนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวเปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 33/2560 ผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าว จำนวน 1,999,240 คน ดำเนินการขึ้นทะเบียนประวัติ และพิสูจน์สัญชาติให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งปัจจุบันได้พิสูจน์สัญชาติไปแล้ว 1,187,411 คน คงเหลือยังไม่ได้พิสูจน์สัญชาติอีก 811,829 คน อันเนื่องมาจากความล่าช้าในการบริหารจัดการ และข้อจำกัดในการดำเนินการของประเทศต้นทาง รวมทั้งขาดฐานข้อมูลที่เป็นเอกภาพ และขาดการประสานงานระหว่างหน่วยงานและระหว่างประเทศต้นทาง ซึ่งจำเป็นต้องปรับแนวทางการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ต่อมาเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2561 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา ออกไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2561 เพื่อรองรับกับมติคณะรัฐมนตรีข้างต้น กระทรวงแรงงานจึงได้จัดทำแผนปฏิบัติการสนับสนุนการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ  (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) และดำเนินการออกใบอนุญาตทำงานให้ถูกต้องตามกฎหมาย หรือตรีเทพ ของคณะกรรมการนโยบายการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน (กนร.) ซึ่งพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กนร. ได้เห็นชอบแผนดังกล่าว และได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วยงานบูรณาการความร่วมมือในการปฏิบัติ เพื่อขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการตรีเทพให้บรรลุวัตถุประสงค์

โดยกระทรวงแรงงานมีแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเพื่อให้เกิดความสะดวก ลดระยะเวลา ลดขั้นตอน และดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส ดังนี้

1. จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการการบริหารจัดการเพื่อการทำงานของคนต่างด้าว (ศปก.บต.รง.) ในส่วนกลาง ซึ่งมีปลัดกระทรวงแรงงานเป็นผู้อำนวยการศูนย์ มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับ ติดตาม การดำเนินการของศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service: OSS) และ ศูนย์ปฏิบัติการการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวจังหวัดในภาพรวมของประเทศ

2. จัดตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานต่างด้าวในประเทศไทยจังหวัด (กตจ.) ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน สำหรับกรุงเทพมหานครมีอธิบดีกรมการจัดหางานเป็นประธานมีอำนาจหน้าที่ในการกำกับ ติดตาม การดำเนินการของศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service: OSS) และ ศูนย์ปฏิบัติการการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวจังหวัด ในระดับจังหวัด

3. จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวกรุงเทพมหานคร (ศปก.บต.กทม.) จำนวน 2 ศูนย์ และศูนย์ปฏิบัติการการบริหารจัดการเพื่อการทำงานของคนต่างด้าวจังหวัด (ศปก.บต.จว.) ในส่วนภูมิภาค อีกจำนวน 11 ศูนย์ เพื่อดำเนินการพิสูจน์สัญชาติ โดยมีผู้ตรวจราชการระดับกรมที่ปลัดกระทรวงแรงงานแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการศูนย์ (CEO)

4. จัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One stop service : OSS) ในกรุงเทพมหานคร โดยมี อธิบดีกรมการจัดหางานเป็นผู้อำนวยการศูนย์และในทุกจังหวัด เพื่อทำหน้าที่จัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติและขออนุญาตทำงาน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อำนวยการศูนย์ (CEO)

5. ประสานความร่วมมือกับ เอกอัครราชทูตกัมพูชา ลาว และเมียนมา ในการบริหารจัดการการพิสูจน์สัญชาติให้เกิดประสิทธิภาพ โดยการเพิ่มเจ้าหน้าที่ อุปกรณ์ เครื่องมือในการดำเนินการ

728x90-03-3-503x62-3-503x62 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนปฏิบัติการตรีเทพจะทำให้การพิสูจน์สัญชาติเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีฐานข้อมูลแรงงานต่างด้าวที่เป็นเอกภาพครบถ้วน โดยการดำเนินการดังกล่าวเป็นการปฏิบัติงานแบบบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ ภาคเอกชน รวมทั้งประเทศต้นทาง เพื่อให้แรงงานต่างด้าวที่ทำงานในประเทศไทย เป็นแรงงานที่เข้าเมืองและทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งส่งผลให้การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวที่ทำงานในประเทศไทยได้รับการยอมรับในระดับสากลต่อไป

จากนั้น รองนายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นกล่าวบนเวทีว่า ตามแผนปฏิบัติการสนับสนุนการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ และดำเนินการออกใบอนุญาตทำงานให้ถูกต้องตามกฎหมาย (ตรีเทพ) ที่อนุมัติไปนั้น แผนการปฏิบัติฯ จะสำเร็จได้ต้องเกิดจากการบูรณาการ และการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างจริงจัง ทำงานอย่างเป็นระบบ ไม่มีการทุจริต หรือแสวงประโยชน์ใด ๆ และจะต้องให้แล้วเสร็จ ภายในเวลาที่กำหนด เพื่อให้การปฏิบัติงานตามแผนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

จึงให้ทุกหน่วยงานถือปฏิบัติดังนี้ 1. ให้หน่วยงานทุกหน่วยงานร่วมมือกันปฏิบัติ โดยทำให้เกิดความสะดวก ลดขั้นตอน ลดเวลา และไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ ทำให้เกิดความพึงพอใจแก่ผู้ใช้บริการ 2. ให้หัวหน้าส่วนราชการทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเป็นหลัก ในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง 3. ประสานขอความร่วมมือจากท่านเอกอัครราชทูต เมียนมา ลาว กัมพูชา ในการบริหารศูนย์พิสูจน์สัญชาติ ให้เกิดประสิทธิภาพ โดยอาจต้องมีการปรับย้ายศูนย์กับระบบการจัดการภายในศูนย์ ตลอดจนเพิ่มเจ้าหน้าที่และเครื่องมือให้เพียงพอต่อปริมาณงานในแต่ละวัน

ทั้งนี้ ฝ่ายไทยจะให้การสนับสนุนต่อการดำเนินการดังกล่าว เพื่อให้เกิดศักยภาพเพียงพอในการรองรับปริมาณงานให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด รองนายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า การปฏิบัติการแผนตรีเทพนี้ จะสำเร็จได้ต้องเกิดจากความร่วมมือ และการทำงานร่วมกันจากทุกฝ่าย ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานตั้งใจปฏิบัติตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มความสามารถ โดยจะติดตามความสำเร็จของแผนตรีเทพนี้ตลอดเวลา พร้อมกล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ทุ่มเทเสียสละทำงานด้านการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ด้านแรงงานมาโดยตลอด หากสามารถลดปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานลงได้ ผลสำเร็จนี้ มิใช่เป็นผลสำเร็จของเราเพียงฝ่ายเดียว แต่จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจสังคม ความมั่นคง รวมทั้งความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างยั่งยืนต่อไป ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว