ออกโฉนดทับที่ ‘ธรณีสงฆ์’ ไม่ได้!

03 ก.ย. 2560 | 04:32 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ก.ย. 2560 | 11:33 น.
 

เป็นที่ชัดเจนว่าที่ธรณีสงฆ์นั้นไม่สามารถจำหน่าย ถ่าย โอนได้ เว้นแต่การตราเป็นพระราชบัญญัติ หรือพระราชกฤษฎีกา แต่ก็ต้องเป็นไปเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะ ที่สำคัญต้องผ่านมติมหาเถรสมาคม และวัดต้องได้รับค่าผาติกรรมจากที่ดินนั้นด้วย ติดตามรายงานจากคุณวาทินีย์ นนธิจันทร์

 
พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉ.2) พ.ศ.2535 มาตรา 34 มาตรา 34 การโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด ที่ธรณีสงฆ์ หรือที่ศาสนสมบัติกลาง ให้กระทำได้โดยพระราชบัญญัติ เว้นแต่ให้แก่ส่วนราชการรัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ เมื่อมหาเถรสมาคมไม่ขัดข้อง และได้รับค่าผาติกรรมจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานนั้นแล้ว ให้กระทำโดยพระราชกฤษฎีกา และห้ามมิให้บุคคลใดยกอายุความขึ้นต่อสู้กับวัด

aaaMAP-P37
แนวรถไฟฟ้าสายสีแดงนี้เป็นหนึ่งในหลายพื้นที่ที่หน่วยงานราชการต้องออกพระราชกฤษฎีกาเพื่อขอเวนคืนที่ดินจากวัดตลิ่งชัน โดยการตราพระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ไม่ใช่เพิ่งเคยเกิดขึ้นแต่ที่ผ่านมาเป็นการออกเพื่อหน่วยงานราชการ แม้จะเคยมีการโอนกรรมสิทธิ์ให้เอกชน แต่ก็เป็นการแลกเปลี่ยนที่ดิน และเป็นการนำที่ดินไปใช้ประโยชน์เพื่อสาธารณะเป็นหลัก กรณีที่ดินอัลไพน์ก็ต้องยึดหลักเกณฑ์เดียวกัน

 
เคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6371/2531 เรื่องการออกโฉนดที่ดินในที่ธรณีสงฆ์ ที่ได้มีการออกโฉนดในที่ดิน และแบ่งขายในเวลาต่อมาอีกหลายแปลง แต่ศาลพิเคราะห์แล้วโฉนดที่ดินที่ว่าออกทับที่ธรณีสงฆ์ของวัดบางขัน จึงเป็นการออกโฉนดไม่ชอบด้วยกฎหมายน แม้จะมีการโอนทางทะเบียนต่อมาให้ผู้ครอบครองอื่นอีกหลายคน ผู้รับโอนก็หาได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้น ศาลจึงพิพากษาให้เพิกถอนโฉนดที่ดินดังกล่าว