‘ภาณุ’ทิ้งทวนภารกิจดับไฟใต้ จัดบิ๊กอีเวนต์ดึงทุนลุยพัฒนา3จังหวัด

03 ต.ค. 2559 | 01:30 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

พูดถึงชายแดนภาคใต้ เชื่อมั่นว่า ไม่มีใครรู้ดีเท่ากับผู้ชายที่ชื่อ "ภาณุ อุทัยรัตน์" เจ้าของพื้นที่ที่คลุกคลีทำงานมาต่อเนื่องหลายสิบปี ไต่เต้าจากตำแหน่งปลัดอำเภอระแงะ อำเภอแว้ง นายอำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส นายอำเภอเมืองสงขลา ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าสำนักงานจังหวัดสงขลา ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงระดับ 10 กระทรวงมหาดไทย ฯลฯ ก่อนย้ายมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช
ฮอตสุดขีดกับตำแหน่ง ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) รั้งท้ายกับตำแหน่ง เลขาธิการ ศอ.บ.ต. ล่าสุดติดโผเป็น 1 ใน ครม.ส่วนหน้าที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมประกาศคำสั่งแต่งตั้งเพื่อทำหน้าที่ประสานงานระหว่างหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ และสื่อสารตรงกับ นายกรัฐมนตรี

นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต. เปิดใจกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงภารกิจสำคัญก่อนส่งไม้ต่อให้ กับคนใหม่ รวมถึงรายละเอียดการจัดงาน"มหกรรมเปิดโลกและมุมมองใหม่จังหวัดชายแดนภาคใต้" ที่จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 28-30 กันยายนนี้ ณ ลานพาร์คพารากอน ศูนย์การค้าสยามพารากอน บิ๊กอีเวนต์ใหญ่แห่งปี เป้าประสงค์เพื่อกระตุ้นการลงทุนและการท่องเที่ยวในพื้นที่ 3 จังหวัดแดนใต้

"ที่ผ่านมารัฐบาลได้เดินหน้าขับเคลื่อนแก้ปัญหาชายแดนใต้ วันนี้มาถึงโหมดของการพัฒนาเศรษฐกิจภายใต้โมเดล "สามเหลี่ยมเศรษฐกิจ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" ขึ้น ซึ่งประกอบด้วย 1.อำเภอหนองจิก จังหวัดยะลา ตั้งเป้าให้เป็นเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าผสมผสาน 2.อำเภอเบตง จังหวัดปัตตานี เป้าหมายพัฒนาให้เป็นเมืองต้นแบบการพัฒนาแบบพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน และ3.อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เป้าหมายพัฒนาให้เป็นเมืองต้นแบบการค้าชายแดนระหว่างประเทศ"

แต่ภาพที่สังคมรู้สึกและคิดถึง คือ ความไม่สงบในพื้นที่ ซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนนอกพื้นที่ ส่งผลต่อการพัฒนาเชิงเศรษฐกิจ ในฐานะคนทำงานคลุกคลีในพื้นที่มานาน กลับเห็นต่าง มองว่าสถานการณ์ในพื้นที่เปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีเศษๆ ที่ คสช.เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ได้ปรับเปลี่ยนองค์กรใหม่ ทำให้มีเอกภาพ เกิดประสิทธิภาพในการดูแลแก้ไขปัญหา ความสำเร็จนี้วัดได้จากจำนวนเหตุความรุนแรงที่ลดลงกว่า 60% และมีแนวโน้มลดลงตามลำดับ อันเกิดจากความร่วมมือของประชาชนกับหน่วยรัฐ ส่งผลให้รัฐบาลปรับโหมดจากงานด้านความมั่นคงมาสู่งานเพื่อการพัฒนาในปัจจุบัน

สิ่งที่เกิดขึ้นได้ทำลายโอกาสของคนในพื้นที่ ความรู้สึกนั้นได้ถูกบ่มเพาะมาจนถึงวันที่รัฐบาลประกาศจะพัฒนาพื้นที่สามเหลี่ยมเศรษฐกิจฯ วันนี้จึงเป็นโอกาสของคนในพื้นที่ที่จะมีรายได้ มีอาชีพ งานมหกรรมครั้งนี้ จึงเกิดขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจให้กับคนไทยในทุกภูมิภาค ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพและความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ ตลอดจนเห็นความสำคัญของปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ ตระหนักรู้ และสนับสนุนให้ความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหา ภายใต้แนวคิดที่ว่า "เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" คนไทยไม่ทอดทิ้งกัน และ ปัญหาชายแดนภาคใต้ ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะของคน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะของรัฐบาล แต่เป็นปัญหาร่วมของคนไทยทุกคน

"เชื่อมั่นว่า มหกรรมครั้งนี้ขึ้นจะสร้างปรากฏการณ์ และแรงสั่นสะเทือนต่อความสนใจได้มากยิ่งขึ้น หลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศเงื่อนไข และให้สิทธิประโยชน์ต่างๆไปก่อนหน้านี้ที่สร้างมีความน่าสนใจให้กับนักลงทุนได้ระดับหนึ่งแล้ว งานครั้งนี้จะช่วยตอกย้ำ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้มากยิ่งขึ้น" นายภาณุ เลขาธิการ ศอ.บ.ต. กล่าว

ก่อนตบท้ายพูดติดตลก เมื่อถามถึงเส้นทางเดินหลังจากเกษียณอายุราชการไว้สั้นๆ ว่า "..ผมไม่ได้หนีหายไปไหน!! หลังจากนี้ก็จะยังทำงานอยู่แถวนี้ล่ะ.."

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,196
วันที่ 29 กันยายน - 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559