นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า มะเร็งเต้านมถือเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ1ของสตรีไทยและสตรีทั่วโลก
ทั้งนี้ตามข้อมูลของสถาบันมะเร็งแห่งชาติพบว่าหญิงไทยป่วยด้วยโรคมะเร็งเต้านมประมาณ 22,000 คนต่อปี อัตราเสียชีวิต 13 คนต่อวัน
นอกจากนี้มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าโครงการคัดกรองมะเร็งเต้านมฯ ที่การท่าเรือฯ ร่วมกับมูลนิธิกาญจนบารมีจัดขึ้นในวันนี้จะเป็นแรงผลักดันให้ผู้หญิงไทยตระหนักถึงความสำคัญของโรคมะเร็งเต้านมและเข้าถึงบริการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัย ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งจะสามารถรักษาให้หายขาดได้ร้อยละ 90 ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของสตรีและครอบครัว
นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567
ทั้งนี้ 1 ใน 5 โครงการเฉลิมพระเกียรติของการท่าเรือฯ คือ การเปิดหน่วยคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรม โดยรถตรวจเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ประสิทธิภาพสูงที่สนับสนุนโดยการท่าเรือฯ ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2
ขณะเดียวกันการเปิดให้บริการในครั้งนี้สอดคล้องตามนโยบายของการท่าเรือฯ ที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดีของประชาชน อันเป็นการสนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยจะเปิดให้บริการหน่วยคัดกรองฯ ระหว่างวันที่ 28 - 29 ตุลาคม 2567 เวลา 08.30 – 16.00 น. ณ อาคาร PAT ARENA
นายเกรียงไกร กล่าวต่อว่า เมื่อปี 2564 ในวาระครบรอบ 70 ปี กทท. ได้สนับสนุนเงินจำนวน 33,000,000 บาท ให้แก่มูลนิธิกาญจนบารมี สำหรับจัดหารถตรวจเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ประสิทธิภาพสูง (Mammogram) พร้อมอุปกรณ์จำนวน 1 คัน เพื่อบริการสตรีกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย
ทั้งนี้มีการตรวจคัดกรองผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงไปแล้ว 1,200,000 ราย พบเป็นมะเร็งเต้านมระยะเริ่มแรกกว่า 4,000 ราย และสามารถรักษาได้ทันท่วงที
นอกจากนี้ในปี 2567 กทท. ยังได้มอบเงินสนับสนุนโครงการจัดหารถหน่วยคัดกรองมะเร็งนรีเวช (อวัยวะสืบพันธุ์) จำนวน 36,720,400 บาท ให้แก่มูลนิธิฯ เพื่อตรวจคัดกรองมะเร็งนรีเวชให้แก่สตรีที่อยู่ห่างไกลและด้อยโอกาส
อย่างไรก็ตาม การท่าเรือฯ หวังว่าการสนับสนุนรถตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมและมะเร็งนรีเวชจะสามารถเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตให้แก่สตรีไทยอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม