นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ที่ส่งกรดซัลฟิวริกลงสู่แม่น้ำโขง ซึ่งมีผลกระทบต่อชาวบริเวณชายฝั่งไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยมีรายงานว่ามีอุบัติเหตุรถบรรทุกสารเคมีพลิกคว่ำ และกรดซัลฟิวริกจำนวนมากไหลลงสู่แม่น้ำคาน จำนวน 30 ตัน บริเวณหลวงพระบาง เมื่อวันที่ 3 เมษายน และคาดว่าจะไหลลงสู่แม่น้ำโขงในวันที่ 5 เมษายน
ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อจังหวัดในบริเวณชายฝั่งไทย เช่น เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
รัฐมนตรีว่าการอว. ได้สั่งการด่วนให้ ทีม DSS หน่วยปฏิบัติการนักวิทยาศาสตร์เคลื่อนที่เร็ว กรมวิทยาศาสตร์บริการ ให้สนับสนุนเฝ้าระวังคุณภาพน้ำแม่น้ำโขงและน้ำประปา และประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ มีการแจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ที่มีการประกอบกิจกรรมตามแม่น้ำโขง เช่น การประมงสัตว์น้ำ รวมทั้งผู้ที่อาศัยในพื้นที่บริเวณชายฝั่งไทย ระวังและป้องกันอันตรายจากกรดซัลฟิวริกที่อาจมีอันตรายต่อสุขภาพ
ด้านนายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) ได้รายงานว่า กรดซัลฟิวริกมีความเสี่ยงต่อสุขภาพมนุษย์ โดยเฉพาะผู้ที่สัมผัสโดยตรง โอกาสเกิดอันตรายมีในระดับที่ต่ำมาก ๆ และมีการประสานงานกับทีมที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขสถานการณ์อย่างเหมาะสม โดยมีแผนการให้เฉพาะข้อมูลและคำแนะนำการปฏิบัติตัวให้แก่ประชาชน
นพ.รุ่งเรือง กล่าวเพิ่มเติมว่า ความเสี่ยงต่อสุขภาพของกรดซัลฟิวริกนั้นมีอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ๆ และมีการประสานงานต่าง ๆ อย่างเหมาะสมตามหลักวิชาการ โดยเน้นย้ำให้ประชาชนรับรู้และระวังอันตรายของกรดซัลฟิวริก
รวมถึงการงดใช้น้ำและการสัมผัสกับน้ำในแม่น้ำโขงในช่วงเวลาที่อุบัติเหตุเกิดขึ้น โดยสามารถรับรู้ข้อมูลเพิ่มเติมได้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ประสบเหตุ จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสียทั้งชาวลาวและชาวไทยจากเหตุการณ์นี้
นพ.รุ่งเรือง กล่าวเพิ่มเติมว่า การประเมินผลกระทบต่อสุขภาพอยู่ในระดับที่ต่ำ ๆ และมีการประสานงานเพื่อแก้ไขสถานการณ์อย่างเหมาะสมตามหลักวิชาการ โดยเน้นย้ำให้ประชาชนรับรู้และระวังอันตรายของกรดซัลฟิวริก รวมถึงการงดใช้น้ำและการสัมผัสกับน้ำในแม่น้ำโขงในช่วงเวลาที่อุบัติเหตุเกิดขึ้น จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสียทั้งชาวลาวและชาวไทยจากเหตุการณ์นี้