"สมศักดิ์" ตั้งศูนย์​ส่วนหน้ารับมือ "น้ำท่วม" ภาคใต้

13 พ.ย. 2566 | 08:30 น.

"สมศักดิ์" เผยแผนรับมือน้ำท่วมพื้นที่ จ. ภาคใต้ ตั้งศูนย์​ส่วนหน้าติดตามสถานการณ์​ใกล้ชิดรับมือ "น้ำป่าไหลหลาก-ดินถล่ม" บูรณการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ เชื่อมโยงข้อมูลด้านทรัพยากรน้ำจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำได้ทันท่วงที

13 พฤศจิกายน 2566 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการรับมือสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ว่า จากการคาดการณ์ฝนภาคใต้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566-เมษายน 2567 พบว่า ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 ถึง กุมภาพันธ์ 2567 มีพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเนื่องจากมีปริมาณฝนตกจำนวนมาก คือพื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันออก ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส

ส่วนปริมาณน้ำในอ่างขนาดใหญ่นั้น ปัจจุบันภาคใต้มีปริมาณน้ำใช้การรวม 3,620 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 66% โดยแยกเป็นอ่างเก็บน้ำรัชชประภา มีปริมาณน้ำ 3,055 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 71% อ่างเก็บน้ำบางลาง มีปริมาณน้ำ 565 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 48%

ขณะนี้ สทนช. ได้วางมาตรการรับมือฤดูฝน โดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์น้ำ โดยใช้กลไกของคณะกรรมการลุ่มน้ำ และคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พร้อมจัดทำเป็นรายงานสถานการณ์น้ำประจำวันทุกวัน

นอกจากนี้ยังมีการตั้งศูนย์ส่วนหน้าในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดเพราะเรื่องนี้ท่านนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากจึงเร่งเดินหน้าแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการทำฝายและธนาคารน้ำใต้ดินเพื่อช่วยลดผลกระทบจากน้ำท่วม รวมถึงสามารถช่วยช่วงน้ำแล้งได้อีกด้วย

นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากสถานการณ์น้ำเริ่มวิกฤตจะมีการจัดตั้งศูนย์ส่วนหน้าฯ ตามที่ตนได้มีนโยบายบูรณการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ โดยให้มีหน้าที่บูรณาการ เชื่อมโยงข้อมูลด้านทรัพยากรน้ำจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อคาดการณ์และวิเคราะห์สภาพอากาศ รวมถึงปริมาณน้ำในลำน้ำ แหล่งเก็บกักน้ำ พื้นที่น้ำหลาก จะได้สามารถแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำในพื้นที่ได้ทัน

นอกจากนี้ยังต้องติดตามและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการแก้ไขสถานการณ์น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่มและอุทกภัยในพื้นที่ให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วซึ่งในการดำเนินการจะมีการประชุมประเมินสถานการณ์ทุกวันเพื่อสรุปข้อมูลและให้คำแนะนำ รวมถึงประกอบการตัดสินใจการบริหารจัดการน้ำ และติดตามและแก้ไขปัญหาในพื้นที่ร่วมกับทุกหน่วยงานอย่างใกล้ชิดต่อไป