เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าชี้ข้ออ้างเอ็นจีโอปิดกั้นผู้เห็นต่าง

09 ต.ค. 2566 | 04:09 น.

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าชี้ข้ออ้างเอ็นจีโอปิดกั้นผู้เห็นต่าง ยันเข้าร่วม กมธ.วิสามัญบุหรี่ไฟฟ้าไม่ขัดกฎ WHO ระบุไม่เคารพรัฐธรรมนูญไทย เผยไม่ได้มีส่วนได้เสียกับธุรกิจยาสูบ

หลังจากสภาผู้แทนราษฎรได้มีญัตติให้จัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาผลประโยชน์ของการมีกฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อให้เหมาะสมกับบริบทความเป็นจริงในประเทศเมื่อวันที่ 27 กันยายน 66 ต่อมาเครือข่ายต่อต้านการสูบบุหรี่ได้ขอยื่นคำร้องต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ทบทวนการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการดังกล่าว 

นายอาสา ศาลิคุปต ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า กลุ่มลาขาดควันยาสูบ (ECST) และเพจบุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ไม่ใช่ครั้งแรกเครือข่ายต่อต้านบุหรี่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อคงการแบนบุหรี่ไฟฟ้าไว้โดยหลับหูหลับตาไม่ยอมรับความจริงว่าการแบนที่ผ่านมาล้มเหลว เกิดช่องว่าง ป้องกันเด็กและเยาวชนไม่ได้จริง 

นอกจากนี้ยังกล่าวอ้างถึงกรอบอนุสัญญาฯ มาตรา 5.3 ซึ่งเป็นการกล่าวอ้างที่เกินขอบเขตอันสมควรเพื่อมากีดกันและปิดปากผู้ที่เห็นแตกต่าง  เพราะกรอบอนุสัญญาฯ ไม่มีการห้ามการเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความเห็น เพียงแต่ต้องทำอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ 


 

โดยแนวทางตามที่ระบุในมาตรา 5.3 นั้นยังไม่มีสถานะและผลผูกพันตามกฎหมายสำหรับประเทศไทย และยังขัดต่อรัฐธรรมนูญของไทยที่รับรองสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และเน้นการมีส่วนร่วมตามกระบวนการประชาธิปไตย

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าชี้ข้ออ้างเอ็นจีโอปิดกั้นผู้เห็นต่าง

“การที่เครือข่ายเอ็นจีโอต่อต้านการสูบบุหรี่ออกมากดดันคณะกรรมาธิการฯ ทั้งที่สภามีมติเห็นชอบให้มีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญอย่างถูกต้องตามกระบวนการของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่วมกันอย่างรอบด้านถึงผลประโยชน์ของการทำให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกควบคุมด้วยกฎหมายและสะท้อนความเป็นจริงในปัจจุบันของไทย เป็นการกระทำที่น่าผิดหวังและไม่ให้เกียรติกลไกของรัฐสภา เชื่อว่าคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จะไม่ปิดกั้นสิทธิของประชาชนในการมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนพึงกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญของไทย เช่นเดียวกับที่เอ็นจีโอต่อต้านการสูบบุหรี่ส่งตัวแทนมานั่งใน กมธ. นี้เช่นกัน” 
 

นายมาริษ กรัณยวัฒน์ ตัวแทนเครือข่ายฯ กล่าวว่า เครือข่ายลาขาดควันยาสูบ ขอยืนยันอีกครั้งว่าจะมุ่งมั่นที่จะเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า และไม่ได้มีส่วนได้เสียกับธุรกิจยาสูบ ออกมาผลักดันและเคลื่อนไหวให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ควบคุมอย่างถูกต้องตามกฎหมายเช่นเดียวกับที่อีกกว่า 70-80 ประเทศทั่วโลกทำ 

โดยไม่เคยบอกให้เปิดเสรี เพราะในฐานะผู้ใช้ก็ต้องการให้ผู้สูบบุหรี่ทุกคนในประเทศไทยมีสิทธิเข้าถึงทางเลือกอื่นนอกกจากการสูบบุหรี่ที่มีสารเคมีจากการเผาไหม้กว่า 6,000 ชนิด ถ้าตั้งใจจะใส่ร้ายป้ายสีให้เสื่อมเสียชื่อเสียงอีก ก็พร้อมจะดำเนินการทางกฎหมาย