นายกฯ สั่งคุมเข้มครอบครองดอกไม้เพลิง หวั่นซ้ำรอยโกดังพลุระเบิด

01 ส.ค. 2566 | 05:28 น.

นายกฯ หวั่นซ้ำรอยโกดังพลุระเบิด บ้านมูโนะ นราธิวาส ย้ำรัฐบาลคุมเข้มครอบครองดอกไม้เพลิง ด้าน รมว.มหาดไทย ให้อำเภอทั่วประเทศ ควบคุม ตรวจสอบผู้รับใบอนุญาตให้ทำ สั่ง นำเข้า หรือค้า

กรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บสินค้าดอกไม้เพลิง บ้านมูโนะ หมู่ที่ 1 ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ซึ่งแรงระเบิดเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก สร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนและทรัพย์สินบริเวณเกิดเหตุ

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังติดตามการปฏิบัติงานของทุกฝ่าย เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง 

"นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำทุกภาคส่วนในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ในการควบคุม ตรวจสอบผู้รับใบอนุญาตให้ทำ สั่ง นำเข้า หรือค้าดอกไม้เพลิง สถานที่ที่อาจเป็นโกดังเก็บดอกไม้เพลิงหรืออาคารลักลอบเก็บดอกไม้เพลิงในพื้นที่ทุกแห่ง รวมทั้งที่มาของดอกไม้เพลิง กำชับเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเป็นสำคัญ”

 

เหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บสินค้าดอกไม้เพลิง บ้านมูโนะ หมู่ที่ 1 ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส

ขณะที่ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มอบหมายอธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังสือด่วนที่สุด ถึงนายอำเภอทั้ง 878 อำเภอทั่วประเทศ กำชับแนวทางการควบคุม ตรวจสอบผู้รับใบอนุญาตให้ทำ สั่ง นำเข้า หรือค้า ซึ่งดอกไม้เพลิง 

พร้อมกับสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ปฎิบัติตามมาตรการในการป้องกัน ควบคุม ตรวจสอบเกี่ยวกับการดำเนินการของผู้รับใบอนุญาตให้ทำ สั่ง นำเข้า หรือค้า ซึ่งดอกไม้เพลิง ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และให้การดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการเกิดเหตุระเบิดขึ้นอีก

 

เหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บสินค้าดอกไม้เพลิง บ้านมูโนะ หมู่ที่ 1 ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส

ก่อนหน้านี้ นายแพทย์ชัยวัฒน์ พัฒนาพิศาลศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส สรุปผลการปฏิบัติงานด้านการปฐมพยาบาลและเยียวยาจิตใจ โดยระบุว่าในพื้นที่ประสบภัยมีครัวเรือนที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด 290 หลังคาเรือน ผู้ได้รับผลกระทบจำนวน 365 ราย

สำนักงานสาธารณสุขอำเภอสุไหงโก-ลก ร่วมกับโรงพยาบาลเจาะไอร้อง ได้ตั้งหน่วยปฐมพยาบาล ณ กองอำนวยการ มีผู้ป่วยมารับบริการรวม 16 ราย แยกเป็น รับยาและทำแผล 10 ราย รับยาอย่างเดียว 4 ราย และทำแผลอย่างเดียว 2 ราย ส่วนการดูแลด้านจิตใจ ทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (MCATT) ได้เข้าประเมินและเยียวยาจิตใจจำนวน 251 ราย พบผู้มีภาวะเสี่ยงจำนวน 77 ราย ใน 32 ครัวเรือน 

โดยพบมากสุดคือ ภาวะเครียด 60 ราย ที่เหลือนอนไม่หลับ/ผวาฝันร้าย  6 ราย ใจสั่น 5 ราย เหม่อลอย 3 ราย หวาดระแวง 1 ราย ซึมเศร้า 1 ราย และนอนสะดุ้ง ผวาตลอด (เด็กอายุ 17 เดือน) 1 ราย ซึ่งทีม MCATT ในพื้นที่จะติดตามดูแลต่อเนื่องจนกว่าสภาพจิตจะเข้าสู่ภาวะปกติ