"จรัญ" แนะบทบาทสื่อ ช่วยลดความขัดแย้ง-ลดความเกลียดชัง

25 ก.ค. 2566 | 05:55 น.

"จรัญ ภักดีธนากุล" อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ความสำคัญสื่อ ช่วยลดความขัดแย้ง ลดการสร้างความเกลียดชัง เป็นส่วนสำคัญของการเมืองและเศรษฐกิจ เชื่อมความเข้าใจระหว่างศาลรัฐธรรมนูญกับประชาชน ชี้เหตุศาลพูดแก้ตัวกับสังคมไม่ได้

นายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยในการกล่าวปาฐกฤาพิเศษ เรื่อง "บทบาทของสื่อมวลชนในการส่งเสริมประชาธิปไตย และหลักนิติธรรม" ว่า สื่อมวลชนมีความสำคัญกับศาลรัฐธรรมนูญอย่างยิ่ง เพราะศาลรัฐธรรมนูญไม่มีโอกาสที่จะพูดแก้ตัวกับสังคมในแทบทุกเรื่อง ศาลไม่มีช่องทาง ไม่มีสื่อของศาล ไม่มี IO (ยุทธการทางข้อมูลข่าวสาร) ของศาล 

และโดยประเพณีของฝ่ายตุลาการหากต้องการจะพูดอะไรกับประชาชน ก็เขียนลงในคำวินิจฉัยให้กระจ่างให้หมด แล้วไม่ต้องโต้แย้งหรือแก้ตัวกับประชาชน

อย่างไรก็ดีขอให้ประชาชนที่เกี่ยวข้องหรือสนใจ รับเอาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไปวิเคราะห์วิจัย แล้วจะวิพากษ์วิจารณ์ หรือเสนอแนะโดยถูกต้องสุจริตเป็นธรรม ก็จะกลับเป็นประโยชน์แก่ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้ที่มีใจเป็นธรรมในสังคม เหมือนผู้ที่ชี้ขุมทรัพย์ที่จะได้พัฒนาปรับปรุง แต่ขอให้ทำโดยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ตรงไปตรงมาไม่ผิด ข้อเท็จจริง ไม่หลงเชื่อไปตามพยานหลักฐานเท็จ ใช้กฎหมายถูกต้องตามหลักนิติธรรม

ทั้งนี้ หากสามารถพัฒนาระบบกฎหมายระบบยุติธรรมของประเทศไทยให้มั่นคงอยู่บนหลักการนี้ได้ ก็จะมีส่วนช่วยให้ ระบอบการปกครอง ระบบการเมือง ระบบกฎหมาย ระบบงานยุติธรรมและระบบเศรษฐกิจ ระบบคิดและวิถีชีวิตของประชาชนมีคุณภาพมาตรฐานดีขึ้น

นอกจากนี้ หากศาลพูดก่อนที่คดีจะมาถึงศาล ศาลก็จะไม่ควรที่จะพิจารณาวินิจฉัยคดีนั้น เพราะมีเดิมพันหรือผลกระทบกับคนเป็นล้าน เป็น 10 ล้าน กระทบสถาบันหลักของชาติ เพราะฉะนั้นเป็นปกติที่แรงกดดันของศาลรัฐธรรมนูญในสังคม ต้องการจะให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไปในทิศทางที่เป็นคุณประโยชน์แก่ตนเอง เพราะแพ้ไม่ได้นี่คือสถานะของศาล 

จรัญ อดีตตุลาการศาลฯ ชี้สื่อกลไกสำคัญระบอบการเมืองเศรษฐกิจ

ดังนั้น สื่อมวลชนจึงเป็นอำนาจที่ทำประโยชน์ให้กับสังคมได้เป็นการสะท้อนความคิด ความเห็นไปให้สังคมรับรู้ และมีเสรีภาพที่จะมีผลกระทบต่อสังคมแค่ไหนอย่างไร โดยปัจจัยแรงที่กดทับสื่อมวลชน คือ ระบอบการปกครองของประเทศ ที่เป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และใช้ระบบการเมืองแบบรัฐสภา 

และส่วนใหญ่ก็เลือกใช้ระบบ 2 สภา ถ้าใช้เสรีภาพล่วงละเมิดกฎหมายบ้านเมืองจะมีปัญหาแล้วจะไปโทษว่า คนที่กล่าวหาดำเนินคดี กลั่นแกล้ง ก็ไม่กระจ่าง ระบบเศรษฐกิจที่เป็นระบบเสรี ที่สอดคล้องกับระบอบเสรีประชาธิปไตย แต่อาจจะไม่สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยประชาชนที่มาพร้อมกับทุนนิยม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพราะระบบเทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามาและจะใหม่ไปเรื่อยๆ

วิถีชีวิตประชาชนคนไทยในปัจจุบัน สื่อจะเป็นกลไกสำคัญในระบอบการเมืองเศรษฐกิจ เพื่อทำให้วิถีชีวิตของคนไทยค่อยๆดีขึ้น แต่ต้องระวังอย่าหักด้ามพร้าด้วยเข่า อย่าใจเร็วด่วนได้ คือต้องพรุ่งนี้ หรือเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นจะแตกหัก ถ้าสื่อใดพลาดไปแบบนั้นน่าห่วง
 

นอกจากนี้ ยังมีมหาอำนาจ ทุนนิยมสุดโต่ง ที่กำลังครอบงำระบบการเมือง กฎหมาย ความยุติธรรม ไม่มีประเทศไหนให้คนต่างชาติเข้ามาในที่รับฟังคดีด้วย เพราะจะเกิดผลกระทบเกิดการกดดันผู้พากษาที่ทำหน้าที่อยู่ ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม ฉะนั้นเมื่อคดีเข้าสู่ศาล ต้องสกัดการกดดันศาลทุกรูปแบบ เพื่อจะได้คุณภาพของคำวินิจฉัยชี้ขาด โดยมหาอำนาจยังครอบงำสื่อด้วย หลายสื่อรับข้อมูลจากมหาอำนาจ โดยการสอดแทรกเข้าไปในวัฒนธรรมและวิถีชีวิตประชาชน

"สื่อมวลชนจะช่วยเชื่อมเป็นสื่อกลาง ให้แก่คนที่ไม่อยู่ในฐานะที่จะสื่อสารอธิบายชี้แจงได้ ให้กับคนจำนวนมากได้รับรู้ได้เข้าใจ ความโกรธแค้น เกลียดชัง สำคัญผิด ก็จะได้เบาบางลง สังคมก็จะอยู่ร่วมกันได้ หากระบบศาลไม่เป็นที่เคารพของประชาชนแล้ว ใครเดือดร้อนนั่นคือคนยาก คนจน คนด้อยโอกาส คนอ่อนแอจะเดือดร้อน แม้แต่สื่อก็เดือดร้อนด้วย" 

ขณะที่ สถานะและบทบาท จะต้องมี 4 ต้อง ประกอบด้วย 

  • ต้องให้สื่อมวลชนมีสิทธิเสรี สื่อมวลชนไม่ได้สำคัญที่เป็นเสรีภาพสื่อ แต่เป็นเสรีให้ประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลือ ฉะนั้นต้องให้สื่อมวลชนมีเสรีภาพมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
  • ต้องเป็นตัวกลางระหว่างรัฐกับประชาชน ต้องเป็นตัวกลางให้ 2 ฝั่ง ที่มักจะขัดแย้งกันเข้าใจกัน ไม่ใช่ยุยงให้ลงถนนหรือกฎหมู่ เป็นอันตรายต่อประชาธิปไตย เป็นตัวบ่อนทำลายหลักธรรมาภิบาล และหลักนิติธรรมที่ทรงพลังที่สุด
  • ต้องเป็นเวทีให้เกิดการเผยแพร่ข้อมูลความรู้ข่าวสารและความรู้ให้ประชาชนเกิดความกระจ่าง  
  • ต้องไม่บิดเบือนความจริง ไม่แสวงหาสิ่งตอบแทนนอกระบบ เพื่อเผยแพร่ข้อมูล