น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอ ประกอบด้วย
- ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ....
- ร่างพระราชกฤษฎีกากาหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า พ.ศ. ....
สาระสำคัญของกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ
เป็นการช่วยเหลือประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกินและได้อยู่อาศัยหรือทำกิน ทั้งภายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ และภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ก่อนที่มีการประกาศกำหนดให้เป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามกฎหมาย ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 เรื่อง การแก้ไขปัญหาที่ดินในพื้นที่ป่าไม้
รวมทั้งเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้ ผู้ที่มีรายได้น้อย และผู้ไร้ที่ดินทำกินได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามกฎหมายก่อนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 66/2557 เรื่อง เพิ่มเติมหน่วยงานสำหรับการปราบปราม หยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ และนโยบายการปฏิบัติงานเป็นการชั่วคราวในสภาวการณ์ปัจจุบัน ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2557 มีผลบังคับใช้ แยกเป็น
1.ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้จัดทำโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ จำนวน 7 แห่ง เป็นระยะเวลา 20 ปี นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกามีผลใช้บังคับ ประกอบด้วย
- อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ จ. จันทบุรี
- อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น จ. จันทบุรี
- อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ จ. กาญจนบุรี
- อุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่ จ. อุตรดิตถ์
- อุทยานแห่งชาติตาดหมอก จ. เพชรบูรณ์
- อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จ. เพชรบูรณ์
- อุทยานแห่งชาติลานสาง จ. ตาก
คุณสมบัติของผู้ที่ได้รับสิทธิ
กำหนดให้บุคคลที่อยู่อาศัยหรือทำกินในโครงการฯ ต้องเป็นบุคคลธรรมดาที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
- เป็นผู้ไม่มีที่ดินทำกินและได้อยู่อาศัยหรือทำกินในอุทยานแห่งชาติภายใต้กรอบเวลาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 (เรื่อง การแก้ไขปัญหาที่ดินในพื้นที่ป่าไม้) หรือตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 66/2557 เรื่อง เพิ่มเติมหน่วยงานสำหรับการปราบปราม หยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้และนโยบายการปฏิบัติงานเป็นการชั่วคราวในสภาวการณ์ปัจจุบัน ลงวันที่ 17 มิถุนายน พุทธศักราช 2557
- มีสัญชาติไทย หรือได้ยื่นคำร้องขอสัญชาติไทยและอยู่ระหว่างรอการพิจารณาของพนักงานเจ้าหน้าที่
- มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตพื้นที่โครงการฯ หรือได้ครอบครองที่ดินรวมทั้งทำประโยชน์มาโดยต่อเนื่อง และไม่มีที่ดินทำกินอื่น
- ไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ออกจากที่ดินที่ครอบครองนั้นมาก่อน
- ไม่เคยถูกดำเนินคดีและคดีนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาในความผิดเกี่ยวกับการยึดถือหรือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไปจากเดิมตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาตินับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับ
- ไม่เคยถูกพนักงานเจ้าหน้าที่มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิการอยู่อาศัยหรือทำกินในอุทยานแห่งชาติ
หลักเกณฑ์ เงื่อนไขการอยู่อาศัยหรือทำกิน
กำหนดให้บุคคลที่อยู่อาศัยหรือทำกินในอุทยานแห่งชาติภายใต้โครงการฯ มีหน้าที่ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพ ภายในเขตพื้นที่โครงการฯ และกำหนดให้ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอยู่อาศัยหรือทำกิน ดังนี้
- ครอบครองและใช้ประโยชน์ด้วยตนเอง และจะให้บุคคลอื่นที่มิใช่บุคคลในครอบครัวเข้าครอบครองหรือทำประโยชน์แทนมิได้ โดยมิได้มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินนั้นตามจำนวนที่ได้ทำการสำรวจ แต่ไม่เกินครอบครัวละ 20 ไร่ และในกรณีที่อยู่กันเป็นครัวเรือนตั้งแต่สามครอบครัวขึ้นไป ไม่เกินครัวเรือนละ 50 ไร่
- ต้องไม่ละทิ้งการทำประโยชน์หรือไม่อยู่อาศัยติดต่อกันเกิน 1 ปี โดยไม่มีเหตุอันสมควร
- ห้ามซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน ให้เช่า ให้เช่าซื้อ ให้ยืม หรือโอน การครอบครองให้บุคคลอื่น เว้นแต่เป็นการสืบสิทธิตามพระราชกฤษฎีกานี้
- ห้ามบุกรุก แผ้วถาง หรือขยายพื้นที่เพิ่มเติม รวมทั้งห้ามเคลื่อนย้ายหรือทำลายหลักเขต ป้ายแนวเขต หรือเครื่องหมายแสดงแนวเขตโครงการฯ
2. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า จำนวน 7 แห่ง เป็นระยะเวลา 20 ปี นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับ ประกอบด้วย
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล จังหวัดพิษณุโลก
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทับพญาลอ จังหวัดเชียงราย
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน จังหวัดอุทัยธานี
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูผาแดง จังหวัดเพชรบูรณ์
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลำน้ำน่านฝั่งขวา จังหวัดอุตรดิตถ์
คุณสมบัติของผู้ที่ได้รับสิทธิ
กำหนดให้บุคคลที่อยู่อาศัยหรือทำกินในโครงการฯ ต้องเป็นบุคคลธรรมดาที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
- เป็นผู้ไม่มีที่ดินทำกินและได้อยู่อาศัยหรือทำกินในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่าภายใต้กรอบเวลาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 (เรื่อง การแก้ไขปัญหาที่ดินในพื้นที่ป่าไม้) หรือตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 66/2557 เรื่อง เพิ่มเติมหน่วยงานสำหรับการปราบปราม หยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้และนโยบายการปฏิบัติงานเป็นการชั่วคราวในสภาวการณ์ปัจจุบัน ลงวันที่ 17 มิถุนายน พุทธศักราช 2557
- มีสัญชาติไทย หรือได้ยื่นคำร้องขอสัญชาติไทยและอยู่ระหว่างรอการพิจารณาของพนักงานเจ้าหน้าที่
- มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตพื้นที่โครงการฯ หรือได้ครอบครองที่ดินรวมทั้งทำประโยชน์มาโดยต่อเนื่อง และไม่มีที่ดินทำกินอื่น
- ไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ออกจากที่ดินที่ครอบครองนั้นมาก่อน
- ไม่เคยถูกดำเนินคดีและคดีนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาในความผิดเกี่ยวกับการยึดถือหรือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไปจากเดิมตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่านับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับ
- ไม่เคยถูกพนักงานเจ้าหน้าที่มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิการอยู่อาศัยหรือทำกินในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า
หลักเกณฑ์ เงื่อนไขการอยู่อาศัยหรือทำกิน
กำหนดให้บุคคลที่อยู่อาศัยหรือทำกินในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่าภายใต้โครงการฯ มีหน้าที่ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพ ภายในเขตพื้นที่โครงการฯ และกำหนดให้ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอยู่อาศัยหรือทำกิน ดังนี้
- ครอบครองและใช้ประโยชน์ด้วยตนเอง และจะให้บุคคลอื่นที่มิใช่บุคคลในครอบครัวเข้าครอบครองหรือทำประโยชน์แทนมิได้ โดยมิได้มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินนั้นตามจำนวนที่ได้ทำการสำรวจ แต่ไม่เกินครอบครัวละ 20 ไร่ และในกรณีที่อยู่กันเป็นครัวเรือนตั้งแต่สามครอบครัวขึ้นไป ไม่เกินครัวเรือนละ 50 ไร่
- ต้องไม่ละทิ้งการทำประโยชน์หรือไม่อยู่อาศัยติดต่อกันเกิน 1 ปี โดยไม่มีเหตุอันสมควร
- ห้ามซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน ให้เช่า ให้เช่าซื้อ ให้ยืม หรือโอนการครอบครองให้บุคคลอื่น เว้นแต่เป็นการสืบสิทธิตามพระราชกฤษฎีกานี้
- ห้ามบุกรุก แผ้วถาง หรือขยายพื้นที่เพิ่มเติม รวมทั้งห้ามเคลื่อนย้ายหรือทำลายหลักเขต ป้ายแนวเขต หรือเครื่องหมายแสดงแนวเขตโครงการฯ
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ร่าง พ.ร.ฎ 2 ฉบับนี้เป็นการสร้างสมดุลในการช่วยเหลือประชาชนให้มีที่อยู่อาศัยและทำกินที่ถูกต้องตามกฎหมายและยังให้การอนุรักษ์ธรรมชาติมีประสิทธิภาพ ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเพื่อดำเนินการต่อไป