ก่อนที่กระทรวงสาธารณสุข จะตั้งโต๊ะแถลงถึงปัญหาแพทย์ขาดแคลนในวันที่ 6 มิถุนายน 2566 เพจDrama addict ซึ่งมีแอดมินเพจคือ จ่าพิชิต ขจัดพาลชน หรือ นพ.วิทวัส ศิริประชัย อดีตแพทย์โรงพยาบาลรัฐ ได้โพสต์ข้อความ สะท้อนปัญหาในวงการแพทย์ และสาธารณสุข
จ่าพิชิต เล่าว่าวงการแพทย์ไทยเหมือน "โอ่งก้นรั่ว" หมายถึง มีแพทย์ลาออกจากระบบราชการเยอะมากในแต่ละปี มีข้อมูลว่าแพทย์จบใหม่ลาออกจากราชการ 50 % จากจำนวนที่จบมา จากหลายสาเหตุทั้ง เรื่องครอบครัว เรื่องสุขภาพ เรียนต่อ หรือ ไม่พอใจการบริหารจัดการ งานโหลดจัด เงินค้างจ่าย และการดูแลบุคลากรของรัฐ
พร้อมเล่าเรื่องราวในยุคที่ตนเองเป็นนักเรียนแพทย์ว่า ช่วงนั้นก็มีปัญหาหมอลาออกจากระบบเยอะ และได้มีการแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มอัตราการผลิตแพทย์ จาก1,000 คน เป็น 2,000 คน แต่ก็ยังมีแพทย์ลาออกถึง 50% เพราะปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข ผลิตได้เท่าไหร่หมอก็ลาออก และไม่มีทางเพียงพอกับจำนวนคนไข้ที่เพิ่มขึ้น เพราะยอดผู้ป่วยที่ไปใช้บริการโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นเกือบ_3 เท่า แต่กำลังการผลิตหมอ เพิ่มขึ้น 2เท่า และลาออก 50% ทุกปีๆ
ตามมาตรฐาน ควรมีหมอ 1 คน ต่อ ประชากร 1,500 คน ซึ่งของไทย ยังห่างไกลมาตรฐานนั้นอีกไกลนัก ในสถานการณ์จริงหลายพื้นที่มีหมอ 1คน ต่อประชากร 4,000-6,000 คน และยังปัญหาเรื่องการกระจายตัวแพทย์ในพื้นที่ต่างจังหวัด ชนบทที่ห่างไกล มีแพทย์ไปอยู่น้อยหรืออยู่ได้ไม่นาน ก็ลาออกเพราะทนการบริหารจัดการและ workload มหาศาลไม่ไหว
จ่าพิชิตเล่าเรื่องการออกมาเรียกร้องของตนเอง จนถูกสั่งย้ายว่า ตนเองเคยต้องเข้าเวรคนเดียวอยู่ครึ่งปี ได้ออกมาโพสต์เรื่องราวจนถูกสั่งย้าย ซึ่งน้องๆหมอที่กล้าออกมาโวย ก็จะถูกจัดการ ถูกเรียกไปสั่งสอน อบรม ปิดปาก สั่งให้เงียบ อย่าพูด อย่าวิจารณ์ ไม่งั้นเดี๋ยวถูกย้าย ผู้บริหารระดับสูงๆขึ้นบนหอคอยงาช้าง ก็จะถูกเป่าหูว่าไม่มีปัญหา พร้อมอบรมแพทย์ว่า ไม่รู้จักอดทน ทำไมไม่รู้จักเสียสละ จิตวิญญาณของความเป็นหมอมันหายไปไหน แล้วปล่อยให้ทำงานหนักต่อไป ทนไม่ได้ ก็ตาย หรือลาออก
จ่าพิชิต ทิ้งท้ายในโพสต์ว่า ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลที่จะมาคุมกระทรวงสาธารณสุข โปรดรับฟังเสียงของแพทย์ตัวเล็กๆ ผู้เสียสละเพื่อประชาชนจริงๆ แพทย์ไทยทนทุกข์กับระบบบริหารจัดการที่ไม่เคยรับฟังเสียงของตัวเล็กตัวน้อยระดับผู้ให้บริการเลยมานานแล้ว