เตือนภัย 18 มงกุฎ ฉวยโอกาสค่าไฟแพง หลอกขายแผงโซลาร์เซลล์

30 เม.ย. 2566 | 09:21 น.

แก๊งต้มตุ๋นสุดแสบฉวยโอกาสช่วงค่าไฟแพง หลอกขายแผงโซลาร์เซลล์ทางออนไลน์ ตำรวจเตือนให้ตรวจสอบโดยละเอียดก่อนทำธุรกรรมใดๆ พร้อมแนะวิธีป้องกัน

 

จากที่รัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหา อาชญากรรมออนไลน์ ทุกรูปแบบ โดยผลักดัน พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 มีผลบังคับมาตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. 2566 ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการติดตามผลการปราบปรามหลังจากมีกฎหมายที่เข้มงวดขึ้นอย่างใกล้ชิด

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รายงานข้อมูล สถิติการแจ้งความคดีออนไลน์ พบว่าตั้งแต่ 1 มี.ค. 2565 -24 เม.ย. 2566 มีคดีออนไลน์ 244,734 คดี  ซึ่งเมื่อพิจารณาข้อมูลเป็นรายเดือนได้เห็นแนวโน้มจำนวนคดีออนไลน์ที่ลดลงจากประมาณ 27,000 คดีต่อเดือนในเดือน ธ.ค. 2565  เป็น 24,000 คดี 21,000 คดี และ 20,000คดี ในเดือน ม.ค. -มี.ค. 2566 ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม แม้จากข้อมูลรายเดือนจะเห็นแนวโน้มคดีออนไลน์ที่ลดลง แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่นิ่งนอนใจ เนื่องจากยังพบกรณีการหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งการขายสินค้า/บริการทางออนไลน์  คอลเซ็นเตอร์ หลอกให้ทำธุรกรรมต่างๆ ดังนั้น พร้อมกับการเร่งปราบปรามผู้กระทำผิดโดยเจ้าหน้าที่นี้

จึงขอย้ำเตือนประชาชนให้ยังคงระมัดระวังตนเอง ดูแลสอดส่องคนในครอบครัวไม่หลงเชื่อบุคคลแปลกหน้าที่ติดต่อมาทุกช่องทาง โดยเฉพาะหากมีกรณีที่เกี่ยวข้องกับการให้ทำธุรกรรม ให้โอนเงิน ชำระเงินค่าสินค้า/บริการ ให้ตั้งข้อสงสัยก่อนว่าอาจเป็นมิจฉาชีพ และให้ตรวจสอบโดยละเอียดก่อนทำธุรกรรม

ทั้งนี้ มิจฉาชีพได้มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาที่ใช้ในการหลอกลวงไปตามสถานการณ์  ล่าสุดกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แจ้งเตือนว่าได้มีกรณีมิจฉาชีพอาศัยช่วงที่ประชาชนให้ความสนใจติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้า หลอกลวงขายแผงโซลาร์เซลล์ โดยมีพฤติกรรมเป็นที่น่าสังเกต ดังนี้

  • ใช้บัญชีเฟซบุ๊กปลอมแฝงตัวเข้ามาในกลุ่มต่างๆ ที่มีการซื้อขายโซลาร์เซลล์และอุปกรณ์ติดตั้ง
  • จากนั้นโพสต์ขายสินค้าในราคาถูกกว่าท้องตลาด ด้วยภาพที่คัดลอกมาจากช่องทางที่มีการซื้อขายจริง
  • มักมีการเร่งรัดให้รีบตัดสินใจว่าสินค้าใกล้จะหมด ซึ่งปรากฏว่ามีผู้หลงเชื่อแล้วโอนเงินให้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับสินค้าจำนวนมาก

บช.สอท. ได้มี ข้อแนะนำจุดสังเกตเพื่อการซื้อสินค้า/บริการออนไลน์ที่ปลอดภัย ดังนี้

  • ให้หลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าที่ไม่มีหน้าร้าน
  • ควรติดต่อซื้อจากบริษัทหรือตัวแทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ
  • ระวังการซื้อสินค้าราคาถูกกว่าปกติของท้องตลาด
  • ตรวจสอบบัญชีโซเชียลมีเดียของผู้ประกาศขายสินค้า มีความเคลื่อนไหวหรือไม่ ประวัติเป็นอย่างไร ตรวจสอบความมีอยู่จริงของสินค้า โดยขอดูภาพหลายๆ มุมนอกจากภาพที่ประกาศขาย
  • สอบถามรายละเอียดสินค้าที่เกี่ยวข้อง ผลิตจากที่ใด เงื่อนไขการรับประกัน วิธีการใช้งาน
  • ตรวจสอบการรีวิวสินค้า และต้องระวังการรีวิวปลอม เป็นผู้รีวิวจริงหรือหรือบัญชีอวตาร
  • ก่อนโอนชำระเงินค่าสินค้า ให้ตรวจสอบประวัติของร้าน และชื่อหมายเลขบัญชีธนาคารที่รับโอนเงิน ว่ามีประวัติไม่ดีหรือไม่ ผ่านเว็บไซต์ Google, https://www.blacklistseller.com หรือ https://www.chaladohn.com เป็นต้น