21 กุมภาพันธ์ 2566 นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบการรับรองวัดคาทอลิกจำนวน 33 แห่งใน 18 จังหวัด ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอซึ่งเป็นการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก พ.ศ. 2564
โดยทั้งหมดเป็นวัดที่มีอยู่ก่อนวันที่ระเบียบฯ จะมีผลบังคับ และต้องรับรองให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี หลังจากวันบังคับ(ภายใน 15 มิ.ย. 66) ซึ่งเมื่อรวมกับการอนุมัติครั้งนี้แล้วจะมีวัดที่มีอยู่ก่อนระเบียบฯ มีผลบังคับได้รับการรับรองแล้วรวม 76 แห่ง และยังเหลือการรับรองอีก 276 แห่ง
ทั้งนี้ ก่อนเสนอต่อ ครม.วัดคาทอลิกทั้ง 33 แห่งได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองคำขอจัดตั้งวัดคาทอลิก เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 65 ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์
1) ได้รับความเห็นชอบให้ยื่นคำขอรับรองวัดคาทอลิกจากสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย
2) มีข้อมูลที่ตั้งวัด
3) มีข้อมูลที่ดินที่ตั้งวัดและการอนุญาตให้ใช้ที่ดิน
4) มีรายชื่อบาทหลวงซึ่งจะไปประกอบศาสนกิจประจำ ณ วัดคาทอลิก
5) มีข้อมูลอื่นที่จำเป็นเกี่ยวกับการรับรองวัดคาทอลิก เช่น คุณค่าและประโยชน์ของวัดคาทอลิก การอุปถัมภ์และทำนุบำรุงภาคส่วนต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาแล้วได้ให้ความเห็นชอบและไม่ขัดข้องในหลักการในการรับรองวัดคาทอลิกทั้ง 33 แห่ง โดยมีความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ในที่ดินว่า วัดทั้ง 33 แห่งไม่มีการตั้งบนที่ราชพัสดุแต่หามีกรณีมิซซังได้เข้าไปใช้ที่ราชพัสดุจะต้องดำเนินการขออนุญาตเข้าไปใช้ประโยชน์ต่อกรมธนารักษ์
หากมีการเข้าไปตั้งวัดในเขตพื้นที่ป่าต้องได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ดี มีวัด 9 แห่งที่ตั้งอยู่บนที่ดินที่เป็นที่ตั้งในโรงเรียนในระบบสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน โดยกระทรวงศึกษาไม่ขัดข้องต่อการรับรองวัดคาทอลิกทั้ง 9 แห่งแต่การรับรองวัดต้องไม่กระทบต่อการศึกษาของโรงเรียน
ดังนั้น จึงเห็นควรให้มีรั้วแสดงขอบเขตของวัดคาทอลิกและโรงเรียนออกจากกันอย่างชัดเจนและขนาดที่ดินของโรงเรียนที่เหลืออยู่จะต้องเป็นไปตามกฎกระทรวง พร้อมให้โรงเรียนดำเนินการขอเปลี่ยนแปลงรายการในตราสารจัดตั้งและการขอเปลี่ยนแปลงขนาดที่ดินที่ใช้ตั้งโรงเรียนต่อไป
สำหรับวัดคาทอลิกทั้ง 33 แห่งใน 18 จังหวัดที่ได้รับการรองมี ดังนี้
1) จันทบุรี 5 แห่ง
2) นครนายก 4 แห่ง
3) ฉะเชิงเทรา 3 แห่ง
4) สระแก้ว 3 แห่ง
5) กรุงเทพมหานคร 2 แห่ง
6) ปราจีนบุรี 2 แห่ง
7) เพชรบูรณ์ 2 แห่ง
8) ราชบุรี 2 แห่ง
9) ปทุมธานี 1 แห่ง
10) พระนครศรีอยุธยา 1 แห่ง
11) สุพรรณบุรี 1 แห่ง
12) นครปฐม 1 แห่ง
13) ชลบุรี 1 แห่ง
14) ระยอง 1 แห่ง
15) ตราด 1 แห่ง
16) นครสวรรค์ 1 แห่ง
17) ลพบุรี 1 แห่ง
18) อุทัยธานี 1 แห่ง