แกะรอย “แก๊งไต้หวัน” ตุ๋นนักลงทุนปั่นราคาหุ้นสูญ 2.3 หมื่นล้านบาท

26 พ.ค. 2566 | 23:30 น.

เป็นที่ฮือฮาหลังตำรวจไทยโชว์ผลงาน รวบหัวหน้าแก๊งไต้หวัน หลอกนักลงทุนในไต้หวัน ลงทุนในบริษัทยา ช่วงโควิด-19 ปั่นหุ้นก่อนปิดบริษัท หอบเงินหนีกบดานในไทย เสียหายเกินกว่า 23,000 ล้านบาท

สืบเนื่องจากกรณีที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ได้รับการประสานงานจาก สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย กรณีผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) รายสำคัญ คือ MR.HUANG หรือ นายหวง (นามสมมติ) อายุ 61 ปี สัญชาติจีน (ไต้หวัน) ซึ่งหลอกลวงประชาชน จากการเปิดบริษัทผลิตยา ช่วงการแพร่ระบาดของ โควิด-19 พร้อม "ปั่นหุ้น" จนมีผู้เสียหายมากกว่า 10,000 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 23,000 ล้านบาท

กลโกงในการดำเนินการครั้งนี้ของ "แก๊งไต้หวัน"

การหลอกลงทุนในการโกงครั้งนี้ ใช้รูปแบบที่แยบยล และมีความน่าเชื่อถือ ตบตาถึงระดับการตรวจสอบในตลาดหลักทรัพย์เลยทีเดียว

โดยกลโกงครั้งนี้มาในรูปของการจัดตั้งบริษัทยา ที่มีความน่าเชื่อถือภายใต้ชื่อ "KANGYOUZHIY" จนสามารถนำบริษัทดังกล่าว เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไต้หวัน และมีการเพิ่มทุนผ่านการใช้บริษัทต่างประเทศของกลุ่มลูกน้องนายหวัง เข้าซื้อหุ้น เพื่อสร้างราคาหุ้นที่ชวนเชื่อต่อการลงทุน

นอกจากนี้เพื่อความแนบเนียนทางกลุ่มผู้ต้องหายังมีการจัดทำรายงานงบฯ อันเป็นเท็จ เพื่อเผยแพร่ให้กับประชาชน ในการหลอกลวงให้ประชาชนเข้าซื้อหุ้น จนเหยื่อหลวมตัวหลงกลลงทุนในหุ้นของบริษัท

ก่อนที่จะมีการปั่นราคาหุ้นจนมีราคาสูงถึง 500,000 หุ้นต่อ 100,000 บาท และหลังจากที่มีประชาชนเข้าซื้อหุ้นแล้ว "แก๊งไต้หวัน" ได้โยกเงินไปยังต่างประเทศ ก่อนที่จำทำการปิดบริษัทหนี

แกะรอย “แก๊งไต้หวัน” ตุ๋นนักลงทุนปั่นราคาหุ้นสูญ 2.3 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้เบื้องต้นจากกลโกงดังกล่าวทำให้มีผู้เสียหายมากกว่า 10,000 ราย และความเสียหายมากกว่า 23,000 ล้านบาท ก่อนเดินทางหลบหนีออกจากไต้หวัน ไปกบดานประเทศแรกที่สิงคโปร์

และทำการปรับเปลี่ยนมาใช้หนังสือเดินทางของ ประเทศวานูอาตู ก่อนที่จะเดินทางหลบหนีอีกรอบเข้ามายังประเทศไทย ด้วยวีซ่า THAILAND PRIVILEGE CARD และหลบซ่อนตัวอยู่ในคอนโดหรูในย่านประตูน้ำ ก่อนนำมาสู่การจับกุม

อย่างไรก็ตามจากการสืบสวนขยายผลของผู้ต้องหารายนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติไต้หวัน ได้ทำการยึดทรัพย์ของผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 60 ล้านบาท และ มีการออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้อีก 29 ราย โดยจับกุมได้แล้ว 27 ราย